นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ KIAT เปิดเผยว่า KIAT ได้เล็งเห็นความสำคัญของความปลอดภัยทางจราจรบนท้องถนน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสำคัญของความปลอดภัยบนถนนต่าง ๆ ทั่วประเทศ KIAT จึงได้เน้นการพัฒนาคุณภาพของ พขร. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย Zero Accident ของบริษัทฯ ที่เริ่มรณรงค์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของลูกค้าในกลุ่มวัตถุอันตราย เชื้อเพลิง และพลังงาน เช่น บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
"ทุกคนเห็นตรงกันครับว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่สามารถป้องกันได้ เพราะทุกอุบัติเหตุ นำมาซึ่งความสูญเสีย โดยเฉพาะอุบัติที่เกิดจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ความสูญเสียจะยิ่งทวีคูณ ในฐานะผู้ประกอบการขนส่ง มันไม่ใช่แค่ความสูญเสียที่เห็นบนท้องถนนเท่านั้น แต่มันหมายถึงความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ณ ขณะนั้น และเราที่เป็นผู้ประกอบการขนส่ง ความสูญเสียที่เราแบกรับไว้ไม่ไหวก็คือชื่อเสียงขององค์กร ความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้า อีกทั้งความสูญเสียโอกาสทางธุรกิจที่เราต้องรับผิดชอบกับสินค้าที่เสียหาย อีกทั้งรถบรรทุกที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่สามารถนำมาให้บริการลูกค้าจนกว่าคดีจะสิ้นสุดและการซ่อมเสร็จสมบูณ์ นี่เป็นความสูญเสียต่อเนื่องที่เราต้องรับผิดชอบ" นายเมฆ กล่าว
นายเมฆ กล่าวว่า KIAT มีการฝึกอบรม พขร. เพื่อยกระดับคุณภาพการขับขี่อย่างสม่ำเสมอ โดยในแต่ละปี พขร. ที่ บริษัทฯ มีทั้งสิ้น กว่า 300 คน จะต้องผ่านการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี เช่นหลักสูตร Defensive Driving และการรับมือต่อการรั่วไหลของสารเคมีแต่ละชนิด อีกทั้ง KIAT ได้ส่งเสริมให้ พขร. เข้าแข่งขันทักษะการขับขี่ในรายการต่าง ๆ โดยล่าสุดนายพัฒน์ พวงแก้ว พขร. ที่มีประสบการณ์ทำงานกับ KIAT มาเป็นเวลากว่า 3 ปี สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในรายการ "อีซูซุ ยอดนักขับมือทอง 2566" ประเภทหัวลาก
"เรามีความภูมิใจกับคุณพัฒน์อย่างมากที่สามารถคว้ารางวัลครั้งนี้ และถือเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของเรา แต่ที่สำคัญ เรามี พขร. อย่างคุณพัฒน์ อีกมากมายในทีม เรามองว่า พขร. ถือเป็นหัวใจของการบริการ เพราะพวกเขาถือเป็นด่านหน้าที่จะไปเจอลูกค้าในภาคสนาม" นายเมฆ กล่าว
ทางด้านนายพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการเข้าร่วมแข่งขันในรายการต่าง ๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีของ พขร. ที่จะยกระดับคุณภาพทักษะการขับขี่ และเป็นเวทีที่ได้เรียนรู้ทักษะการขับขี่ใหม่ ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งเป็นโอกาสที่ พขร. สามารถแลกเปลี่ยนเทคนิคการขับขี่จากผู้เข้าร่วมแข่งขันในรายการต่าง ๆ
"โดยส่วนตัวของผมนะครับ การเข้าร่วมรายการแข่งขันทุกรายการ เราจะสามารถลดระยะเวลาในการยกระดับฝีมือการขับรถของเรา และที่สำคัญ ผมมองว่าประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันในทุกรายการ เราสามารถนำประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขันในทุกรายการมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนพนักงานด้วยกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับพวกเราอย่างมาก" นายพัฒน์ กล่าว
ที่มา: 24 คูณ 7