นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ("ADD") ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาต่อยอดด้านการให้บริการด้าน SECURITY และ LOYALTY ผ่านบริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ("HWTHAI") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ADD โดย HWTHAI มีความเชี่ยวชาญระบบการบริหารจัดการด้านความสัมพันธ์ของลูกค้า (CRM) เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบการชำระเงินผ่านบัตรและแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งระบบการยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน เจาะลูกค้ากลุ่มค้าปลีกและสถาบันการเงิน หรือกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจ ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในครึ่งปีแรกของปี 2567 ดังนั้นหากแผนให้บริการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะส่งผลให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก็สอดรับกับผลการดำเนินงานในปี2567 ที่จะกลับมาแตะระดับ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปัจจุบัน กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC ดำเนินการได้เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้มีการเปิดให้บริการเสริมต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ ADD ได้รับอานิสงส์จากการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการให้บริการเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้จากแนวโน้มการฟื้นตัว ทำให้บริษัทฯเชื่อมั่นว่า ในไตรมาส 4/2566 ภาพรวมธุรกิจจะกลับมาโดดเด่นอย่างชัดเจนอีกครั้ง โดยเฉพาะการให้บริการเสริมด้านความบันเทิง ซึ่งกลุ่มโอเปอเรเตอร์เองมีการให้บริการเสริมด้านความบันเทิงผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ มากขึ้น นอกเหนือไปจากแพ็กเกจโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่ง ADD ในฐานะพันธมิตรที่เชี่ยวชาญคอยร่วมสนับสนุนระบบเบื้องหลังการให้บริการต่าง ๆ ดังกล่าว สามารถช่วยให้โอเปอเรเตอร์มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดียิ่งขึ้น โดยโปรเจ็คต์ต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดให้บริการระบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3
ส่วนแผนการลงทุนในบริษัทต่างๆช่วงที่ผ่านมา อาทิ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด ("7C"), บริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ("HWTHAI"), บริษัท โอริสมา จำกัด (OMH) และล่าสุด บริษัท จีทีไอ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด ("GTI") นั้น บริษัทฯจะสามารถทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วน การถือหุ้นในแต่ละบริษัท โดยในปี 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้บริษัทฯจะมีการรับรู้ตัวเลขผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมองว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว จะสร้าง New S-Curve สู่การต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งบริษัทฯมีแผนในการนำบริษัทที่เข้าไปลงทุน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 2 ปีจากนี้อย่างน้อย 1 บริษัท
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์