ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC เปิดเผยว่า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งภาคการท่องเที่ยว และการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 231.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.17 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.23% ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการที่ 664.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.79% ส่วนกำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น ตามอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อรวมถึงการปรับราคาขึ้นของวัตถุดิบและค่าขนส่ง ที่เป็นตัวแปรฉุดให้กำไรไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 5.86 ล้านบาท ลดลง 4.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 17.21 ล้านบาท ลดลง 11.35 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) จำนวนไม่เกิน 22 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3.89% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 6 เดือน นับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯให้เกิดประโยชน์ที่สุด รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และเพิ่มอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หรือผู้ถือหุ้นบริษัท ในศักยภาพการสร้างรายได้ และกำไรในอนาคตของบริษัทฯ พร้อมทั้งแสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 เชื่อว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการขยายตัวของ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) เนื่องจากบริษัทฯ สามารถเข้าดำเนินงานโครงการระบบน้ำขนาดใหญ่ได้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ครบทั้งโครงการ นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะมีโอกาสได้งานใหม่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของกลุ่มลูกค้าครัวเรือน รวมถึงลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่กลับมาลงทุนในระบบบำบัดน้ำ จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าใหม่ รวมถึงการขยายตลาดเข้าในพื้นที่ ที่บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันและตลาดที่มีกำลังซื้อ
บริษัทฯ เดินเกมรุกสานต่อกลยุทธ์การตลาด ที่ต้องการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีบำบัดและฆ่าเชื้อในน้ำมาช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า โดยบริษัทฯ มีการขยายงานอย่างต่อเนื่องในการนำเสนองาน ผลิตภัณฑ์และโครงการสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำขนาดใหญ่
โดยปัจจุบันบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว 8 งาน มูลค่ารวม 50.94 ล้านบาท โดยคำสั่งซื้อจำนวน 7 งาน มูลค่ารวม 21.82 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน ปี 2566 และคำสั่งซื้อจำนวน 1 งาน มูลค่า 29.12 ล้านบาทคาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567
ขณะที่ กลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว ในส่วนของงานติดตั้งเครื่องกรองน้ำและงานจำหน่ายเครื่องผลิตน้ำแข็ง มูลค่ารวม 29.53 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 ทั้งนี้เป็นผลจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID - 19 ในที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกค้ามีความใส่ใจเรื่องสุขภาพ และความสะอาดของอาหาร-เครื่องดื่ม มากขึ้น ทำให้ดีมานด์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโอโซน เช่น เครื่องผลิตน้ำดื่มไฮโดรเจนและน้ำโอโซนให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ จึงปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (B3) หรือกลุ่ม KTMS ปัจจุบันบริษัทฯ มีแผนขยายสาขา และเพิ่มเครื่องไตเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 4/2566 จะขยายสาขาประมาณ 3 - 4 สาขา และเครื่องไตเทียมประมาณ 16 - 40 เครื่อง ส่วนบริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด ก็ยังคงเดินหน้าเปิดสาขาและซื้อเครื่องไตเทียมในปี 2566 โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 4/2566 จะเปิดสาขาประมาณ 1 - 2 สาขา และเครื่องไตเทียมประมาณ 8 - 16 เครื่องตามแผนที่วางไว้ เช่นเดียวกับบริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้องานติดตั้งระบบน้ำจากลูกค้าแล้ว 10 โครงการ มูลค่ารวม 7.47 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/2566 และบริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด ล่าสุดรับงานติดตั้งท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์จากลูกค้าแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 5.20 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้ง คาดว่าจะติดตั้งได้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/2566
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์