เราสามารถเรียกกลุ่มคน "Gen Z" ว่าเป็นกลุ่มคน "Digital Native" ได้ เนื่องจากกลุ่มคน "Gen Z" เป็นคนกลุ่มแรกที่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และสมาร์ทโฟน คนกลุ่มนี้จึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หลากหลาย มีความฉลาดในการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และวิธีการตัดสินใจที่แตกต่างจากเจเนอเรชันอื่น
จากการใช้ Marketing Technology (MarTech) ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มคน Gen Z ของอินไซท์เอรา ทำให้รู้ว่ากลุ่มคน "Gen Z" ให้ความสนใจและให้คุณค่ากับเรื่องความรวดเร็ว (Hustle) ประสบการณ์ที่เหมาะสมกับตนเองและสัมผัสได้ถึงความจริงใจ (Personalization and Authenticity) การเชื่อมต่อในทุกช่องทางและการสื่อสารด้วยภาพ (Hyperconnected and Visual Communication) จิตสำนึกต่อสังคม (Socially Conscious) ยอมรับในความแตกต่างและหลากหลายของวัฒนธรรม (Diversity and Multiculturalism)
ในฐานะที่ อินไซท์เอรา เป็นผู้ให้บริการ End-to-End Marketing Technology & Services ที่ตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลลัพธ์ที่แม่นยำ ได้ให้ข้อสรุปว่ากลุ่มคน "Gen Z" ให้ความนิยมสื่อประเภทรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก YouGov ที่พบว่าสื่อโซเชียลมีเดียที่กลุ่มคน "Gen Z" ให้ความนิยมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Youtube, Facebook และ TikTok
นอกจากนี้ อินไซท์เอรา ยังเผยถึง 5 กลยุทธ์สำคัญในการสื่อสารให้ชนะใจกลุ่มคน "Gen Z" บนโซเชียลมีเดีย ไว้ดังนี้
1. ใช้ประโยชน์จากสตอรี่บนโซเชียลมีเดีย (Leverage Social Media Stories)
กลุ่มคน "Gen Z" นิยมแชร์เรื่องราวภาพในไอจีสตอรี่ของตัวเอง ที่เน้นถึงความสนุกสนานและเรื่องราวตามกระแส สอดคล้องกับข้อมูลของ HubSpot ที่พบว่า 72% ของกลุ่มคน "Gen Z" ใช้อินสตราแกรมอย่างสม่ำเสมอและนิยมแชร์ภาพใน ไอจีสตอรี่ ทำให้มีอัตราการกด swipe-up สูงกว่าโพสต์ปกติถึง 15-25% โดยเนื้อหาที่ได้รับความสนใจคือเนื้อหาที่สนุกสนาน (Funny) มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชม (Relatable) ตามกระแส(Trendy) ภาพเบื้องหลังเหตุการณ์ (Authentic/Behind the scenes) รวมถึงเนื้อหาที่สามารถมีส่วนร่วมได้ (Interactive contents)
2. สร้างเนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจ (Create Engaging Video Content)
กลุ่มคน "Gen Z" กว่า 54.8% นิยมชมเนื้อหาวิดีโอสั้น (15-60 วินาที) โดยนิยมรับชมเนื้อหาเกี่ยวกับ MV, คลิปไวรัลตลกและเกมส์ (ข้อมูลจาก TikTok)
3. การร่วมมือกับไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (Collaborate with Micro-Influencers)
ข้อมูลจาก Gen Z Insights พบว่า กลุ่มคน "Gen Z" กว่า 68% มีความเชื่อใจในคำแนะนำของ Nano / Micro-influencers เมื่อต้องตัดสินใจในการซื้อสินค้ามากกว่า influencers ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก โดยเฉพาะบนช่องทาง Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok
4. ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสำหรับการรับชมผ่านมือถือ (Optimize for Mobile)
ข้อมูลจาก We Are Social ระบุว่า 95.3% ของผู้ใช้ในประเทศไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผ่านโทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทาง Google's PageSpeed Insights ระบุว่า 53% ของผู้ใช้มือถือยกเลิกการเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้เวลาโหลดมากกว่า 3 วินาที ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ จึงควรออกแบบเนื้อหาภาพ และขนาดตัวหนังสือ ให้เหมาะกับการอ่านบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ระยะเวลาในการโหลดข้อมูลสำหรับการรับชมน้อยกว่า 3 วินาที
5. ให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ (User - Generated Content/Challenges)
ข้อมูลจาก TikTok เผยว่า กว่า 90% ของแบรนด์ที่ทำ "Branded Hashtag Challenge" มีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะจดจำและรับรู้ข้อมูลของแบรนด์ได้มากขึ้นถึง 4 เท่า
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคน "Gen Z" มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์มากกว่าเจเนอเรชันอื่นๆ นี่จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการและนักการตลาดทั้ง B2C และ B2B ที่ใช้ Marketing Technology (MarTech) โดยเฉพาะเทคโนโลยี "Social Listening" เข้ามาช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ช่วยให้แบรนด์เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวางแผน คาดการณ์หรือกำหนดทิศทางการเจาะตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงด้วยวิธีการที่ตอบโจทย์ตรงใจกลุ่มคน "Gen Z" เพื่อสร้างการยอดขายของแบรนด์และธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา" คุณนารีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: สยามพีอาร์