รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อควรปฏิบัติของเกษตรกรก่อนปลูกคือ ใช้เชื้อรา ไตรโคเดอรมา 1 กิโลกรัม ผสมกับรำละเอียด 4 กิโลกรัม และปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม หว่านหรือรองก้นหลุมอัตรา 100 กรัมต่อต้น หรือหว่านในแปลงปลูกหรือรอบทรงพุ่มในอัตรา 3-6 กิโลกรัมต่อต้น หมั่นดูแลรักษาแปลงปลูกให้สะอาด จัดการระบบระบายน้ำให้ดี และบำรุงรักษาต้นปาล์มน้ำมันให้แข็งแรง โดยใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมตามการเจริญเติบโต จากนั้นควรหมั่นสังเกตอาการของโรคลำต้นเน่าในปาล์มน้ำมัน ซึ่งมักพบในต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป หรือต้นปาล์มน้ำมันอายุ 1-2 ปี ที่ปลูกซ้ำแปลงเกิดโรค ลักษณะจะมีอาการใบซีดเหลือง ใบมีสีซีดกว่าปกติหรือเป็นปื้นบนทางใบล่าง ทางใบหักพับทิ้งตัวห้อยลงรอบลำต้น ใบย่อยแห้งตาย ยอดที่ยังไม่คลี่มีจำนวนมากกว่าปกติ โคนต้นหรือรากบริเวณผิวดินใกล้โคนต้นจะพบดอกเห็ด ซึ่งภายในลำต้นถูกทำลาย ทำให้ต้นหักล้มลง ไปจนถึงอาการรุนแรงในขั้นยืนต้นตาย เกษตรกรจึงควรหมั่นตรวจสอบต้นที่คาดว่าจะเป็นโรคโดยใช้ไม้เคาะลำต้นปาล์มน้ำมันเพื่อฟังเสียงบริเวณที่ถูกทำลาย สังเกตต้นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต้นที่เป็นโรค หากพบอาการของโรคให้รีบป้องกันกำจัดโดยขุดหลุมรอบ ๆ ต้นปาล์มน้ำมันที่เป็นโรค เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากต้นเป็นโรคไปยังต้นปกติผ่านการสัมผัสกันของราก ซึ่งต้องขุดหลุมให้ลึกมากพอ อย่าทำให้รากเกิดแผล และระวังเรื่องร่องตื้นเขินภายหลังด้วย นอกจากนี้ ต้องเก็บดอกเห็ดที่ขึ้นบริเวณโคนต้นปาล์มน้ำมันเป็นโรคหรือที่รากบริเวณผิวดินไปทำลายนอกแปลงปลูก ถากบริเวณเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายออกแล้วทาทับด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา หากยังคงมีดอกเห็ดเกิดขึ้นและอาการยังรุนแรงต่อเนื่องให้ถากซ้ำและทาทับด้วยสารเคมีกำจัดเชื้อรา เช่น โคลทาร์ สารที่มีส่วนผสมของโคลทาร์ สารไทแรม หรือสารเคมีกำจัดเชื้อรากลุ่มไตรอะโซล รวมถึงกำจัดดอกเห็ด และวัชพืชหรือพืชอาศัยอื่นออกไปให้หมด เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคในธรรมชาติ ตลอดจนทำความสะอาดเครื่องมือทางการเกษตรก่อนนำไปใช้ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค
ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร