นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีและกล่าวเปิดงาน โดยได้ให้มุมมองสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบันว่า อยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจมากมาย ตั้งแต่เรื่องของความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ นำไปสู่การผงาดขึ้นของอาเซียนในฐานะภูมิภาคที่มีความสำคัญในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เกณฑ์การดำเนินธุรกิจแบบใหม่อย่าง ESG ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนและความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงเรื่องของการปฏิวัติทางด้านดิจิทัลที่เข้ามาปรับเปลี่ยนแง่มุมการดำเนินธุรกิจ ล้วนส่งผลให้ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อการเติบโตในอนาคต และด้วยความมุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ (Trusted Partner) กรุงศรีพร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการปรับตัว เพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถก้าวข้ามทุกความท้าทาย พร้อมเติบได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
งานสัมมนาประกอบไปด้วยหัวข้อสัมมนาในประเด็นต่างๆ ที่สอดคล้องกับเทรนด์แห่งการเปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจเริ่มต้นด้วยหัวข้อ "ภูมิทัศน์ธุรกิจ จากมุมมองของคนต่างยุคสมัย" โดยได้รับเกียรติจากตัวแทนของคนสองรุ่นในการเสวนาร่วมด้วยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส และดร.สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท Sea Group โดยสรุปใจความสำคัญว่า ท่ามกลางยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว เราต้องพร้อมรับมือและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างมั่นคง จะต้องประกอบไปด้วยการรู้ทันโลก และการรู้จักโลก ซึ่งการรู้ทันโลกคือรู้จัก เข้าใจและสามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาอยู่ตลอดเวลาซึ่งเป็นความสามารถของคนรุ่นใหม่ ขณะที่การรู้จักโลกนั้นต้องอาศัยประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าในการแก้ปัญหาต่างๆ ดังนั้น เพื่อที่ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงและสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ทั้งสองรุ่นจะต้องร่วมมือกัน และการจะร่วมมือกันได้สำเร็จ สิ่งสำคัญคือ การเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน (Empathy) ด้วยปัจจัยต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ของคนแต่ละยุคไม่เหมือนกัน ความจำเป็น เหตุผล ความคิดก็จะไม่เหมือนกัน แต่หากมีความเข้าใจกัน ถึงแม้จะต่างรุ่น ต่างความคิด แต่ก็ยังอยู่ร่วมกันและก้ามข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้อย่างแน่นอน
สำหรับหัวข้อ "อาเซียนขุมพลังการค้า" ได้รับเกียรติจากนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาร่วมเสวนาถึงโอกาสทางธุรกิจผ่านแนวคิดและแผนธุรกิจของเซ็นทรัลรีเทลโดยมีใจความสำคัญว่าธุรกิจจะแข็งแรงได้จำเป็นจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีทั้งในเรื่องของการลงทุนโดยเฉพาะช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและกระแสเงินสด และที่สำคัญคือการมองหาโอกาสการเติบโตทั้งการขยายธุรกิจ (Expand) การต่อยอดธุรกิจหลัก (Extend) และการมองหาน่านน้ำใหม่ (Explore) โดยเฉพาะเมื่อโลกของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจย้ายมาที่อาเซียน จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่น่าสนใจในการขยับขยายธุรกิจ ด้านนายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า "ด้วยตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในอาเซียนที่สูงกว่า 4.6% รวมถึงจำนวนประชากรที่ค่อนข้างมากใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยกว่า 60% เป็นกลุ่ม Young Population ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในอนาคต อาเซียนจึงกลายเป็นตลาดใหม่ที่หลายคนสนใจ ซึ่งปัจจุบันกรุงศรีและ MUFG มีเครือข่ายครอบคลุมมากถึง 9 ประเทศจากทั้งหมด 10 ประเทศในอาเซียน เราจึงพร้อมในการเป็นที่ปรึกษาการทำธุรกิจในอาเซียนอย่างแท้จริง ผ่านบริการ Krungsri ASEAN LINK ที่จะให้คำปรึกษาและช่วยดูแลตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การส่งออก การหาความร่วมมือหรือหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาด รวมถึงการจับคู่ทางธุรกิจทั้งแบบพบหน้าและผ่านแพลตฟอร์ม Krungsri Business Link ที่จะช่วยสร้างพื้นที่เชื่อมโยงทางธุรกิจกับนักธุรกิจทั่วโลกผ่านเครือข่ายของ MUFG ซึ่งพร้อมที่จะเป็นแรงหนุนก่อเกิดมูลค่าทางการตลาดในอาเซียนอย่างด้วยเช่นกัน"
หัวข้อสัมมนา "การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน" ได้รับเกียรติจาก นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้านความยั่งยืน ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ของกรุงเทพ รวมถึงแผนการจัดการเมืองเพื่อความยั่งยืน โดยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนว่าการที่เมืองจะน่าอยู่ได้ ต้องอาศัยคนหลากหลายอาชีพในการร่วมกันขับเคลื่อน ดังนั้น โจทย์ที่สำคัญไม่ใช่แค่การทำให้กรุงเทพฯ น่าอยู่ แต่เป็นการที่เราต้องร่วมกันคิด ช่วยกันลงมือทำให้ เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตและสังคมดีขึ้นและยั่งยืน
และหัวข้อสุดท้าย "เวทีอนาคตของเทคโนโลยีดิจิทัล" ได้รับเกียรติจาก ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่อนาคตศาสตร์และสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ โดย MQDC นายเชาวลิต รัตนกรไกรศรี รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายเทคโนโลยีและโซลูชั่นองค์กร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และดร.สันติธาร เสถียรไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต ด้านนางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงหัวใจสำคัญท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีในมุมของการทำธุรกิจว่า "เทคโนโลยีมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวและเกิดขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ความสำคัญอาจไม่ได้อยู่ที่การไล่ตามทุกๆ เทคโนโลยีให้เท่าทันอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรู้จักและทำความเข้าใจ ลูกค้า (Empathy) โดยกรุงศรีเราเน้นวิธีการดำเนินงานแบบ Empathy Driven นั่นคือเราเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อที่จะสามารถเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า รู้จัก Moment in life ของลูกค้า เพื่อที่จะสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถทำความรู้จักลูกค้าได้ที่สุดคือ ข้อมูล (Data) ซึ่งก็มาควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี Automation ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ Data ทั้งยังช่วยนำเสนอโซลูชันต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และก็ต่อเนื่องไปจนถึงเรื่องของ Data Security เพื่อความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า"
งานสัมมนา Krungsri Business Forum ในครั้งนี้เป็นการจัดงานแบบ Carbon Neutral Event หรืองานปลอดคาร์บอน โดยชดเชยคาร์บอนเหลือศูนย์ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของกรุงศรีที่จะร่วมแก้ปัญหาของสภาพอากาศ ทั้งนี้งานสัมมนาดังกล่าวเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านธุรกิจของลูกค้าธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่ออัปเดตสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงแบ่งปันข้อมูลความรู้ให้ลูกค้าธุรกิจได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากวิทยากรชั้นแนวหน้า พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้กับลูกค้า โดยสามารถติดตามรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Krungsri Business Empowerment
ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา