"มิสแกรนด์" เคาะราคา IPO 4.95 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 4, 6 และ 7 ธันวาคม ปักธงเทรด mai ภายในเดือนธันวาคมนี้

พุธ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๐๒๓ ๑๗:๑๖
บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MGI เคาะราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 4.95 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคมนี้ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี จากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ทั้งธุรกิจพาณิชย์ - การจัดประกวดนางงาม - ธุรกิจสื่อและบันเทิง - ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรที่เติบโตโดดเด่น และขอย้ำ MGI แตกต่าง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์และเจ้าของเวทีประกวดนางงามในไทยรายแรกที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุน ด้วยชื่อเวทีที่ทางบริษัทเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นและเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทเอง ทำให้ MGI มีโมเดลธุรกิจและโครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่ง ไม่เหมือนบริษัทใดในตลาดทุน พร้อมนำเงินระดมทุนขยายศักยภาพการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด ปักธงเทรด mai ภายในเดือนธันวาคมนี้ หมวดธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค

บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย พร้อมด้วย ผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 2 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน)

นายธวัทชัย แพร่แสงเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 4.95 บาท จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนธันวาคม 2566 ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 4.95 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 11.76 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ทั้งนี้ MGI พิจารณานำ P/E ของ คู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ

อย่างไรก็ดี MGI พร้อมเดินหน้าจัดงานโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และจุดเด่นของ MGI เป็นบริษัทชั้นนำ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 10 ปี มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม "มิสแกรนด์ ไทยแลนด์" และ "มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล" การบริหารจัดการศิลปิน และการจัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ได้แก่ สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิเช่น แบรนด์ "Miss Grand", "NangNgam" และ MGI และสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เป็นต้น

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรสด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 284 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้สำหรับลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคาร จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 40 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567, ลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 50 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567, ลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) จำนวนที่ใช้ราว 20 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เติบโตก้าวกระโดดได้ในอนาคต

และมั่นใจว่าหลังจากระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนฐานทุนบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านร่วมเติบโตไปกับเรา และสนับสนุนให้ MGI ก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์และเจ้าของเวทีประกวดนางงามรายแรกที่สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุน ด้วยชื่อเวทีที่ทางบริษัทเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นและเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทเอง ซึ่งถือเป็นเวทีประกวดนางงามเพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่ดำเนินการจัดกิจกรรมด้วยรูปแบบนี้ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งในเวทีระดับประเทศ (MGT) และเวทีระดับนานาชาติ (MGI) จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านร่วมเติบโตไปกับเรา

โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ภายใต้คำขวัญขององค์กร "นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์" ทำให้มีผู้คนติดตามและมีส่วนร่วม (Engagement) ในประสบการณ์ จากแบรนด์ของบริษัทในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องทุกสายงาน รวมทั้งส่งมอบสินค้าและบริการแก่ลูกค้าให้ประทับใจที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต พร้อมพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานของ MGI ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 319.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 47.85 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 432.45 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 77.13 ล้านบาท เทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 222.02 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 36.59 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจพาณิชย์ของบริษัทเติบโตขึ้นจากการจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ขายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่คือ TikTok ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นช่องทางขายถึงผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าโดยไม่ต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้าส่งแต่อย่างใด ส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจพาณิชย์ปรับสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงธุรกิจสื่อและบันเทิง และธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน มีการเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งขณะนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเพิ่งเริ่มได้รับกระแสจากความนิยมจาก นางสาวอิงฟ้า วราหะ และนางสาวชาล็อต ออสติน ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมจากการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ในเดือนเมษายน 2565 เป็นต้นมา

สำหรับสัดส่วนรายได้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มาจากธุรกิจพาณิชย์ 40.86% ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ 12.63% ธุรกิจสื่อและบันเทิง 19.06% ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 23.12% รายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall 3.51% และ รายได้อื่น 0.82%

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จุดเด่นมิสแกรนด์มี แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ สามารถเข้าสู่ระบบลิขสิทธิ์ตัวแทน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเวทีการประกวดแรก

ในประเทศไทยที่ดำเนินการจัดการในรูปแบบนี้ รวมทั้ง เครือข่ายนางงามที่ส่งเข้าประกวดในระดับนานาชาติ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การขยายตลาดสร้างความยั่งยืน และต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เป็นโอกาสมากขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ

ทั้งนี้ MGI มีทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาทโดยเป็นทุนชำระแล้ว 75 ล้านบาทและหลังจากทำการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน IPO ครั้งนี้อีก 30 ล้านบาทจะเป็นทุนชำระแล้วเต็ม 105 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น 210 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นก่อนและหลัง IPO ดังนี้ มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วย 1. นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล สัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 60.00% และ 42.86% ตามลำดับ, 2. นายรัชพล จันทรทิม สัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ 39.99% และ 28.56% ตามลำดับ 3. นางพรพรรณ จุลเจือ สัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ <0.01% และ <0.01% และ 4. ประชาชนทั่วไปหลังการเสนอขาย IPO อยู่ที่ 28.57%

อย่างไรก็ตาม ทั้งคุณณวัฒน์ และคุณรัชพล ยังไม่มีแผนที่จะขายหุ้นของบริษัทในอนาคต ระยะยาว เนื่องจากทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่เริ่มแรก เป็นผู้ที่ช่วยกันบริหารบริษัทให้มีความเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และทั้ง 2 ท่าน ยังมีความมุ่งมั่นและมีความตั้งใจที่แน่วแน่ในการที่จะบริหารบริษัท และนำพาบริษัทให้เจริญเติบโตบรรลุเป้าหมายให้บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนางงามโลกให้สำเร็จ

ที่มา: ไออาร์ พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ