ดร.วิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำการบริหารสภาพคล่อง และสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) จำนวนไม่เกิน 22 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3.89% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ คิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 6 เดือน นับแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น และ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ถึงสถานะทางการเงินและขีดความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแรงและพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงเพื่อให้ราคาหุ้นFVC สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่า การซื้อหุ้นคืนนี้จะส่งผลบวกต่อผู้ถือหุ้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิ (EPS) และเพิ่มมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้น ในศักยภาพการสร้างรายได้ และกำไรในอนาคตของบริษัทฯ พร้อมทั้งแสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ดร.วิจิตร ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายว่า กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) บริษัทฯมีแผนขยายตลาดในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีบำบัดและฆ่าเชื้อในน้ำ โดยบริษัทฯเร่งขยายงานในการนำเสนองานผลิตภัณฑ์และโครงการสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำขนาดใหญ่ ล่าสุดให้ปัจจุบันบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว 8 งาน มูลค่ารวม 50.94 ล้านบาท โดยคำสั่งซื้อจำนวน 7 งาน มูลค่ารวม 21.82 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน ปี 2566 และคำสั่งซื้อจำนวน 1 งาน มูลค่า 29.12 ล้านบาทคาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567
กลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) ปัจจุบันได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว ในส่วนของงานติดตั้งเครื่องกรองน้ำและงานจำหน่ายเครื่องผลิตน้ำแข็ง มูลค่ารวม 29.53 ล้านบาท และเริ่มทยอยติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567 สาเหตุที่กลุ่มธุรกิจนี้เติบโตมากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีความใส่ใจเรื่องสุขภาพ และความสะอาดของอาหาร-เครื่องดื่ม ทำให้ดีมานด์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโอโซน เช่น เครื่องผลิตน้ำดื่มไฮโดรเจนและน้ำโอโซนให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ จึงปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
กลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (B3) หรือกลุ่ม KTMS ภายในไตรมาสที่ 4/2566 จะขยายสาขาประมาณ 3 - 4 สาขา และเครื่องไตเทียมประมาณ 16 - 40 เครื่อง ส่วนบริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด เดินหน้าเปิดสาขาและซื้อเครื่องไตเทียมในปี 2566 คาดว่าภายในไตรมาสที่ 4/2566 จะเปิดสาขาประมาณ 1 - 2 สาขา และเครื่องไตเทียมประมาณ 8 - 16 เครื่องตามแผนที่วางไว้ ขณะที่บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้องานติดตั้งระบบน้ำจากลูกค้าแล้ว 10 โครงการ มูลค่ารวม 7.47 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/2566 และบริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด ได้รับงานติดตั้งท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์จากลูกค้าแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 5.20 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้ง คาดว่าจะติดตั้งได้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4/2566
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์