นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของไทยมีสัดส่วนการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ในอันดับสูงสุด จึงได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นในการนำระบบการศึกษารูปแบบ KOSEN เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษามีความพร้อมทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ ทักษะขั้นสูง สร้างความมั่นใจในการพิจารณาเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมระดับสูง ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ได้รับความไว้วางใจจากประเทศญี่ปุ่น ในการนำระบบการศึกษาหลักสูตร KOSEN ที่สมบูรณ์แบบที่มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าสถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่น โดยผ่านระบบการประเมินคุณภาพมาตรฐาน (KOSEN International Standards: KIS) ที่จะมีผลบังคับใช้กับสถาบันโคเซ็นแห่ง สจล. และสถาบันโคเซ็นแห่ง มจธ. ในการรับรองคุณภาพมาตรฐานให้เทียบเท่าสถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่นในปีการศึกษา 2568 เมื่อมีผู้สำเร็จการศึกษาและเข้าสู่สถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรม
"อยากให้สังคมไทยเข้าใจหลักสูตรโคเซ็น และรับรู้ถึงการเป็น วิศวกรพันธุ์ใหม่ที่เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กันไป อย่างสร้างสรรค์ ด้วยทักษะการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ มีความเป็นผู้นำและคิดแก้ปัญหา สามารถสร้างหุ่นยนต์ หรือสร้างระบบเชิงวิศวกรรมออกมาเพื่อนำไปใช้งานได้อย่างแท้จริงภายใต้การสนับสนุนของภาคอุตสาหกรรมระหว่างการศึกษา สามารถไปสร้างผลงานจนได้รับรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วทั้งจากองค์กรระหว่างประเทศ การแข่งขันหุ่นยนต์ประดิษฐ์ที่ญี่ปุ่น นักศึกษาไทยโคเซ็นมีความโดดเด่น ทฤษฎีแม่น ปฏิบัติจริง มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นจากการเรียนในชั้นเรียน ทำให้มีทั้งทักษะด้านภาษาที่ดีและพร้อมที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่แก่ภาคอุตสาหกรรม"
ในช่วง 10 ปีแรกของโครงการได้กำหนดเป้าการผลิตวิศวกรจากหลักสูตร 5 ปี จำนวน 1,080 คน โดยนักเรียนทุนรุ่นแรกที่จะสำเร็จการศึกษาจากสถาบันโคเซ็นแห่ง สจล. ในปีการศึกษา 2567 จำนวน 24 คน และที่มีนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ได้รับทุนไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่น หลักสูตร 7 ปี ในระดับปริญญาตรี จำนวน 72 ทุน ครบทุกชั้นปีในปีการศึกษาหน้า ในขณะที่สถาบันโคเซ็นแห่ง สจล. และสถาบันโคเซ็นแห่ง มจธ. จะเริ่มจัดการเรียนการสอนหลักสูตรปริญญาตรีต่อเนื่อง (Advanced Course) เพื่อรองรับผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปีที่ 5 เข้าศึกษาต่อเพื่อให้นักศึกษาสามารถเรียนต่อและทำงานในสถานประกอบการไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งนักศึกษามีโอกาสได้ไปฝึกอบรม และไปทำวิจัยที่สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างที่ศึกษาอยู่ในสถาบันไทยโคเซ็นด้วย
โดยหลักสูตรไทยโคเซ็น ที่เปิดสอนที่สถาบันโคเซ็นแห่งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KOSEN-KMILT) ประกอบด้วยหลักสูตร Mechatronics Engineering, Computer Engineering และ Electrical and Electronics Engineering ขณะที่สถาบันโคเซ็นแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KOSEN KMUTT) จัดการเรียนการสอนหลักสูตร Automation Engineering, Biological Engineering และ Agricultural Engineering มีเป้าหมายเพื่อผลิตวิศวกรสำหรับภาคอุตสาหกรรม ตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนของประเทศได้ โดยใช้เวลาเรียนสั้นลง สามารถออกแบบ สร้างสรรค์ชิ้นงาน ลงมือทำเป็น ทำงานได้เร็วขึ้นและทำงานได้จริง ส่วนเส้นทางการพัฒนาทางวิชาการและวิชาชีพนั้นหลังจากเรียนสำเร็จหลักสูตร 5 ปีแล้ว ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีหรือระดับที่สูงขึ้น สถาบันไทยโคเซ็นทั้งสองแห่งได้ออกแบบและพัฒนาหลักสูตรรองรับในลักษณะที่สอดคล้องกับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานเพื่อชดใช้ทุนการศึกษาและขยายเงื่อนไขทุนการศึกษาให้สามารถปฏิบัติงานได้หลังสำเร็จการศึกษา
สำหรับการจัดงาน ไทยโคเซ็นแฟร์ 2023 ในวันนี้มีภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากสนใจเข้าร่วมงาน และให้ความร่วมมือในการรับนักศึกษาสถาบันไทยโคเซ็นไปฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการและตอบรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาเข้าทำงาน เป็นการรวมพลังจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริม สร้างความมั่นคงแก่หลักสูตรและผู้สำเร็จการศึกษา ให้เป็นวิศวกรสายพันธุ์ใหม่ที่มีความพร้อมตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และยังได้มีการแสดงเจตจำนงที่จะทำความร่วมมือในการจัดการศึกษา การฝึกประสบการณ์วิชาชีพและการรับเข้าทำงานหลังนักศึกษาสำเร็จการศึกษากว่า 30 แห่ง
ที่มา: ไวสแบรนด์