คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds) ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืน (QS World University Rankings: Sustainability)* ประจำปี 2567
การจัดอันดับครั้งนี้ครอบคลุมมหาวิทยาลัย 1,397 แห่ง มากกว่าปีที่แล้วซึ่งเป็นการจัดอันดับครั้งแรกถึงสองเท่า และเป็นการประเมินมหาวิทยาลัยโดยพิจารณาจากผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ซึ่งผลปรากฏว่า มหาวิทยาลัยโทรอนโต ครองอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลก ตามด้วยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในอันดับ 3
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืนของคิวเอส ประจำปี 25 67 - 20 อันดับแรก25671มหาวิทยาลัยโทรอนโต ( University of Toronto)แคนาดา2มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ( UC Berkeley) สหรัฐอเมริกา3มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ( The University of Manchester)สหราชอาณาจักร4มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ( University of British Columbia)แคนาดา5มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ( The University of Auckland)นิวซีแลนด์6อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ( Imperial College London)สหราชอาณาจักร7มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ( The University of Sydney)ออสเตรเลีย8มหาวิทยาลัยลุนด์ ( Lund University)สวีเดน9มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ( The University of Melbourne)ออสเตรเลีย10มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ( Western University)แคนาดา=11มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ( UNSW Sydney)ออสเตรเลีย=11มหาวิทยาลัยอุปซอลา ( Uppsala University)สวีเดน13มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ( McGill University)แคนาดา14มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ ( Delft University of Technology)เนเธอร์แลนด์=15สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ( MIT)สหรัฐอเมริกา=15มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ ( The University of Edinburgh)สหราชอาณาจักร17มหาวิทยาลัยบริสตอล ( University of Bristol)สหราชอาณาจักร18สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก ( ETH Zurich)สวิตเซอร์แลนด์19มหาวิทยาลัยเดอรัม ( University of Durham)สหราชอาณาจักร20มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ( University of Glasgow)สหราชอาณาจักรคุณเจสสิกา เทอร์เนอร์ ( Jessica Turner) ซีอีโอของคิวเอส ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดอันดับในฐานะเครื่องมือชี้วัดความพยายามของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการจัดการกับความท้าทายที่สำคัญ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่นักศึกษาให้ความสำคัญมีการเปลี่ยนแปลงไป [1] โดย 79% ให้ความสำคัญกับแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของสถานศึกษา และ 82% ศึกษาค้นคว้าแนวปฏิบัติเหล่านี้อย่างจริงจัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักศึกษาใส่ใจผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข้อมูลสำคัญ
- แคนาดามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา และมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียครองอันดับสูงสุดของโลกในด้านความเท่าเทียม
- สหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เป็นผู้นำด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ขณะที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) มหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาร์เบอร์ (University of Michigan-Ann Arbor) และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) มีความเป็นเลิศด้านโอกาสและความสามารถในการทำงาน
- สหราชอาณาจักรมีความโดดเด่นด้านธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยมีมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ติด 10 อันดับแรก
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ (อันดับ 14) เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของภาคพื้นยุโรป
- สวีเดนมีมหาวิทยาลัยลุนด์ที่โดดเด่นในด้านความเท่าเทียม การแลกเปลี่ยนความรู้ และการวิจัยสิ่งแวดล้อม
- มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) (อันดับ 22) เป็นผู้นำของเอเชีย โดยรั้งอันดับ 3 ด้านผลกระทบทางสังคม และรั้งอันดับ 5 ด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
- มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) รั้งอันดับ 1 ด้านการวิจัยสิ่งแวดล้อม
- มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University) (อันดับ 142) ครองอันดับสูงสุดของจีน และมหาวิทยาลัยเดลี (University of Delhi) (อันดับ 220) ครองอันดับสูงสุดของอินเดีย
- มหาวิทยาลัยซิดนีย์ครองอันดับ 1 ของโลกด้านผลกระทบทางสังคม ขณะที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) ตามมาเป็นอันดับ 2
- มหาวิทยาลัยเคปทาวน์ (University of Cape Town) (อันดับ 50) เป็นผู้นำของแอฟริกาในด้านความยั่งยืน ส่วนมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเบรุต (American University of Beirut) เป็นผู้นำในตะวันออกกลาง และมหาวิทยาลัยเซาเปาโล (Universidade de S?o Paulo) (อันดับ 67) เป็นผู้นำในลาตินอเมริกา
[1] ผลสำรวจด้านความยั่งยืนของคิวเอส
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/2142268/4139307/QS_Quacquarelli_Symonds_Logo.jpg