บลจ. พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุนเปิด "พรินซิเพิล อิควิตี้ ESG" ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน กองทุนลดหย่อนภาษีทางเลือกใหม่ มุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนที่ได้รับคัดเลือก ESG ในประเทศไทย ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ตั้งแต่ปี 2566 ชูจุดเด่น 3 ด้าน ทั้งนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ มีกระบวนการคัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบ และบริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนประสบการณ์สูง การันตีด้วยรางวัล Best Asset Management Awards จากงาน SET Awards ปีล่าสุด เสนอขายครั้งแรกวันที่ 8 - 20 ธันวาคมนี้ พร้อมโปรโมชั่นเมื่อมียอดซื้อสะสมทุก 5 หมื่นบาท รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด PRINCIPAL DPLUS มูลค่า 100 บาท
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังมีนโยบายสนับสนุนการออกกองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ Thailand ESG (กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน) นอกจากการลงทุนในกองทุน SSF และ RMF และสามารถใช้สิทธิประโยชน์ได้ตั้งแต่ปีภาษี 2566 เพื่อสนับสนุนการลงทุนระยะยาวเพื่อการออมของคนไทย โดยมุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ ESG ในประเทศไทย เช่น ลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ จดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจด้วยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล เป็นต้น ผู้ลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้สูงสุด ไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้ในปีนั้นๆ หรือไม่เกิน 100,000 บาท และจะต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 8 ปีนับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน และได้รับมติอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย
บลจ. พรินซิเพิล เปิดตัวกองทุนเปิด "พรินซิเพิล อิควิตี้ ESG" ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน (PRINCIPAL EQESG-ThaiESG) กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 8 - 20 ธันวาคม 2566 และจะเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เป็นต้น
กองทุนเปิด "พรินซิเพิล อิควิตี้ ESG" (PRINCIPAL EQESG-ThaiESG) มีจุดเด่น 3 ด้าน
- ได้แก่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนจากสถาบันที่น่าเชื่อถือที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET หรือองค์กรหรือสถาบันอื่นที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ และ/ หรือได้คะแนน ESG สูงจากการประเมินภายใน ที่มีแนวการลงทุนแบบ Active และเป้าหมายสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีอ้างอิง SET ESG TRI ในระยะยาว
- กระบวนการการลงทุนที่แข็งแกร่งภายใต้ FMV Model ซึ่งเป็นกระบวนการคัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบจาก "Fundamental" หรือพื้นฐานธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน "Momentum" หรือแนวโน้มของราคาและกำไรที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และ "Valuation" หรือมูลค่าหลักทรัพย์อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ผนวกกับปัจจัยด้าน ESG (ESG Integration Framework) โดยจะต้องได้รับการประเมินคะแนน ESG ภายใน (Internal ESG Scoring) เน้น 5 ปัจจัย ได้แก่ ธรรมาภิบาล, สิ่งแวดล้อม, สังคม, หลักการด้านการบริหารจัดการด้าน ESG ของบริษัท และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal) โดยบริษัทที่เลือกลงทุนจะต้องมีคะแนนทั้ง 2 ส่วนอยู่ในระดับสูง และจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ESG ในระดับสูง
- บริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง พิสูจน์จากความสำเร็จของ บลจ. พรินซิเพิล ที่ได้รับรางวัล Best Asset Management Awards ภายในงานมอบรางวัล SET Awards 2023 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร
ทั้งนี้ จากสถิติย้อนหลังพบว่า การลงทุนในดัชนี SET ESG Total Return สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนใน SET Index Total Return ในทุกช่วงเวลา โดยในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า และเมื่อตลาดหุ้นเป็นขาลง ก็ปรับตัวลดลงในอัตราที่น้อยกว่า สะท้อนว่าการลงทุนในหุ้น ESG นอกจากช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และทำให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอีกด้วย
ผู้สนใจติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. พรินซิเพิล และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ หรือ โทร. 02-686-9500 หรือ www.principal.th หรือดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมที่ https://www.principal.th/th/principal/EQESG-ThaiESG นอกจากนี้สามารถเปิดบัญชีและทำรายการซื้อผ่าน Principal TH Mobile App สามารถดาวน์โหลดที่ App Store และ Google Play และ https://www.principal.th/th/principalTH.html
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย