ปี 2024 ในเชิงดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าเดิม จะเน้นไปที่การทำ "Tech Refreshment" หรือการ "Enhance Technology" ใหม่ๆ เพื่อเสริมระบบเดิมของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงการหาเทคโนโลยีใหม่ที่อยู่ในกระแสโลก เข้าไปแนะนำให้ลูกค้าสามารถนำปรับใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพบริษัทให้ได้เปรียบในการแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งภายในประเทศหรือบริษัทคู่แข่งระดับสากลที่ในอยู่กลุ่มตลาดเดียวกัน
ในส่วนของกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ จีเอเบิล เล็งเห็นศักยภาพในการทำตลาดเพิ่มคือ ตลาด Healthcare และ Logistics เนื่องจากในช่วงก่อนและหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตลาดทั้งสองกลุ่มนี้มีความต้องการบริการจากกลุ่มคนทั่วไปสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทที่อยู่กลุ่มธุรกิจนี้จำเป็นต้องเพิ่ม Productivity ในการตอบสนองความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ต้องมีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพเพื่อลดความผิดพลาดที่เกิดจากคนโดยไม่ตั้งใจ และสามารถคาดการณ์แนวโน้มความต้องการขั้นต่อไปของคนที่เข้ามารับบริการ เพื่อให้ลูกค้าของจีเอเบิลสามารถบริหารจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการด้วยคุณภาพอย่างมีมาตรฐานกับทุกคนที่มาใช้บริการ
เป็นเหตุให้ในช่วง Q1-Q2 ปี 2024 จีเอเบิลมีแผนทำการตลาดในอุตสาหกรรมกลุ่ม Healthcare และ Logistics เพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดทั้งสองนี้ เพื่อผนึกกำลังในการสร้างสรรค์และนำเสนอโซลูชันที่สามารถสร้างความได้เปรียบการแข่งขันในตลาดให้กับลูกค้าของจีเอเบิลโดยเฉพาะความแข็งแกร่งในไอทีโซลูชัน รวมกับความพร้อมของทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของจีเอเบิลและพันธมิตร ส่งผลให้จีเอเบิลพร้อมบุกตลาดในการให้บริการในอุตสาหกรรมทั้งสองตลาดได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังมีแผนสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับกับการขยายในอนาคตที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการโฟกัสแผนที่จะนำเสนอโซลูชัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งกลุ่ม Healthcare และ Logistics ดังนี้
อุตสาหกรรมกลุ่ม Healthcare จากนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2567 มีนโยบาย "ยกระดับ 30 บาท พลัส" ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการผลักดันเรื่อง ดิจิทัลสุขภาพ ได้แก่ บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่, โรงพยาบาลอัจฉริยะ 200 แห่งทั่วประเทศ และ Virtual Hospital ฯลฯ จีเอเบิลจึงวางแผนงานสอดรับกับนโยบายภาครัฐ โดยมองว่าตลาด Healthcare ยังต้องการความพร้อมในด้าน Technology Infrastructure ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะทำให้ระบบไอทีต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกัน และทำงานประสานกันได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันเกือบทุกโรงพยาบาลมีการใช้งานระบบ HIS เพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการรักษาผู้ป่วย แต่ส่วนใหญ่ยังคงใช้เป็นระบบเดิมๆ ที่เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่า ซึ่งหากว่า ระบบ HIS ที่เป็นระบบสำคัญในการเก็บข้อมูล สามารถพัฒนาให้เชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ภายในโรงพยาบาลได้ อาทิ เชื่อมต่อข้อมูลต่างๆ ให้กับแพทย์และเจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ ให้ได้รับข้อมูลคนไข้ล่วงหน้าก่อนเริ่มการรักษาได้ เป็นต้น จะช่วยลดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงลดความซ้ำซ้อนในการเก็บข้อมูลต่างๆ ภายในโรงพยาบาลด้วย
ซึ่งโซลูชันที่ จีเอเบิล มุ่งต่อยอดพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำในการให้บริการในอุตสาหกรรมกลุ่ม Healthcare คือ "HOC" (Hospital Operation Center) เป็นระบบบริหารจัดการ วางแผนการทำงาน ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและแจ้งเตือน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมการทำงานของโรงพยาบาล ผ่านจอ Dashboard แบบกึ่งเรียลไทม์ โดยมี AI ช่วยในการคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนการทำงานที่ต่อเนื่องกัน จึงทำให้ผู้บริหารมีข้อมูลในการตัดสินใจ และโรงพยาบาลสามารถจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยจีเอเบิลได้ร่วมมือกับทาง ST Engineering บริษัทผู้ให้บริการระบบ HOC กับโรงพยาบาลในสิงคโปร์ เข้ามาช่วยกันพัฒนาระบบ HOC ให้กับโรงพยาบาลในประเทศไทย ซึ่งพบว่ากลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีความต้องการใช้ระบบ HOC อยู่หลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดใกล้เคียง และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ซึ่งระบบ HOC จะสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ต่อเมื่อมี Technology Infrastructure ที่พร้อมรองรับการเชื่อมต่อจากระบบที่เกี่ยวข้อง และมีข้อมูลที่ถูกต้องในระบบด้วย จีเอเบิลจึงมีบริการไอทีโซลูชันที่ครอบคลุมแบบ End-to-End ตั้งแต่การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบความปลอดภัยทางเทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากให้พร้อมใช้งาน รวมถึงทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้บริการแก้ไขปัญหา ตลอด 24 ชั่วโมง
การเติบโตของตลาด Healthcare นั้น หากมองในส่วนที่เป็นการพัฒนา Infrastructure ให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึง HOC และ HIS solution รวมกัน คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 200% แต่หากมองในภาพรวมของตลาดโดยรวมของจีเอเบิล และด้วยระยะเวลา 1 ปีเศษ ที่จีเอเบิลเริ่มเข้าสู่ตลาดนี้อย่างจริงจัง มองว่าตลาด Healthcare จะมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5-7% เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในจีเอเบิล
ในส่วนของอุตสาหกรรมกลุ่ม Logistics จากที่ทีมงานจีเอเบิลได้เข้าไปศึกษาและสัมผัสกับธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ พบว่า ในกลุ่มธุรกิจนี้ มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องเอกสารที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการนำเข้าข้อมูลชุดเดียวกันซ้ำหลายๆ ครั้ง จากการส่งต่อเอกสารในขั้นตอนแต่ละช่วง ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะผิดพลาดได้ง่าย ซึ่งทางออกของปัญหานี้คือการนำเข้าเอกสารให้ถูกต้อง ส่งต่อข้อมูลได้ครบถ้วน ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน และเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว จึงจะสามารถลดต้นทุนต่อ transaction ได้
จีเอเบิลจึงพัฒนาโซลูชันที่ชื่อว่า "G-RPA solution" ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้ของลูกค้าโดยเฉพาะด้วยการปรับซอฟต์แวร์ที่เป็น Own IP ของบริษัท เน้นเรื่องการบริหารจัดการเอกสาร (Document management) และได้นำโรบอทมาใช้ในการทำงานแทนในขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำๆ ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงาน เพิ่มความแม่นยำ และมีความรวดเร็วในการจัดการงานด้านเอกสารซึ่งข้อมูลเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมกลุ่ม Logistics โดยเฉพาะ"
ที่มา: สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์