นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความสามารถในการพัฒนาความยั่งยืน จะเป็นกุญแจดอกสำคัญในการสร้างความสำเร็จของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทได้พบว่า ในปี 2566 ผู้เช่าสำนักงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีความต้องการ "demand" กับการเช่าสำนักงานในอาคารที่มีมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การลงทุนด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของอาคารสามารถคืนทุนได้เร็วมากขึ้นคุ้มค่ามากขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการในการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายณัฏฐา คหาปนะ กล่าวเสริมว่า ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้น เรายังเปิดแผนกความยั่งยืนธุรกิจ (ESG) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการพัฒนาความยั่งยืนของคู่ค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตามโมเดลจากสาขาไนท์แฟรงค์ทั่วโลก ที่ดำเนินการไปแล้วประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในประเทศอังกฤษ สหภาพยุโรป และ ประเทศออสเตรเลีย โดยจุดประสงค์ของแผนก ESG จะมาช่วยคู่ค้าในด้านต่างๆดังนี้ 1) การเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 2) การเป็นที่ปรึกษาด้านการตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ของคู่ค้า 3) การเป็นที่ปรึกษาด้านการรับรองมาตรฐานอาคารต่างๆเช่น LEED WELL FITWEL และการรับรองมาตรฐานอาคารอื่นๆ 4) การเป็นที่ปรึกษาด้านการรายงานความยั่งยืนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรฐานไทย และ นานาชาติ โดยมอบหมายงานนี้ให้นาย วีรวิทย์ กาญจนเทียมเท่า เข้ามาพัฒนากลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของบริษัทและให้บริการบริษัทคู่ค้าด้านความยั่งยืนโดยมีการใช้มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาใช้ รวมถึงเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นที่จริงใจในการพัฒนาด้านศักยภาพของพนักงานและการส่งเสริมความสามารถจากภายในองค์กรเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ยังร่วมมือกับ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการพัฒนาโครงการ Web-Based Application เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการและมุ่งหวังในการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรตามหลักวิชาการ ส่งเสริมความสามารถในการจัดการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และสนับสนุนการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2030 โครงการนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ในการที่จะรับรู้และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการมุ่งเน้นในการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกผ่านการทำงานในทุกขั้นตอนของบริษัท นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเปิดโอกาสในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อมของ พื้นที่อาคารและบริษัทที่ดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยต่อไป
ที่มา: Trailblaze PR