กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--สนพ.
รองผู้ว่าฯ จ.สุราษฎร์ธานี ขานรับนโยบายรัฐสานต่อความสำเร็จลดการใช้พลังงาน ในหน่วยงานราชการ สรุปผลปี ’49 ภาคใต้ตอนบน 7 จังหวัด ประหยัดได้ 16.4 ล้านบาท เผยปี ’51 เตรียมโละเป้าหมายลดใช้ 10% นำเกณฑ์มาตรฐานรูปแบบใหม่มาใช้ เชื่อแนวทางใหม่ข้าราชการยิ้มได้และมีวินัยในการใช้พลังงานมากขึ้น
นายดำริห์ บุญจริง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยในงานสัมมนารวมพลังข้าราชการไทย ลดใช้พลังงาน ประจำปี 2550 ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์สูงถึง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นค่าใช้จ่ายด้านพลังงานร้อยละ 19.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เรานำเข้าพลังงานจากต่างประเทศอยู่ที่ 64% (นำเข้าน้ำมันสูงถึง 86.5% ก๊าซธรรมชาติ 27%) และอีก 20 ปีข้างหน้า การนำเข้าจะเพิ่มเป็น 65% (น้ำมันนำเข้า100% ก๊าซธรรมชาตินำเข้า 49%) ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับตัวสูงขึ้น ก็จะกระทบถึงราคาน้ำมันในประเทศไทย และส่งผลทำให้ต้นทุนการบริการ การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นด้วย
โดยในส่วนของหน่วยงานภาครัฐทั้งประเทศมีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 6,360 ล้านหน่วย/ปี หรือประมาณ 5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ คิดเป็นเงินประมาณ 15,900 ล้านบาท/ปี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 895 ล้านลิตร/ปี หรือประมาณ 3.5% ของการใช้น้ำมันทั้งประเทศ คิดเป็นเงินประมาณ 22,375 ล้านบาท/ปี แม้จะเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงมาก แต่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็ให้ความสำคัญเพื่อให้หน่วยราชการเป็นแกนนำเป็นตัวอย่างที่ดีกับภาคอื่นๆ
และเพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ปฏิบัติงานได้เต็มที่ และยังเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการประหยัดพลังงาน มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2550 ให้นำ “ค่ามาตรฐานการใช้พลังงาน” มาใช้กับส่วนราชการตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป ซึ่งจะสอดคล้องกับลักษณะงานที่ส่วนราชการปฏิบัติ โดยคำนึงถึงปัจจัยหลักที่มีผลต่อการใช้พลังงานของแต่ละหน่วยงาน เช่น พื้นที่ จำนวนบุคลากร เวลาในการปฏิบัติงาน เป็นต้น
“ทั้งนี้ เป็นเพราะจากการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการลดใช้พลังงานของหน่วยงานราชการ ได้รับคำอุทธรณ์จากหลายหน่วยงาน ทราบว่าการกำหนดเป้าหมายที่ระดับ 10% นั้นทำให้บางหน่วยงานมุ่งที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย โดยใช้มาตรการที่มุ่งวิธี เช่น ไม่เปิดไฟขณะที่พื้นที่บริเวณนั้นมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่เปิดพัดลม ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศทั้งที่อุณหภูมิสูงจัดในบางช่วง การลดการใช้ลิฟต์ขณะที่มีการประชุมและต้องการความเร่งด่วน ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อการให้บริการประชาชน และสุขภาพจิตของตัวข้าราชการเอง รัฐจึงได้นำแนวทางใหม่มาใช้เป็นการกำหนดมาตรฐานการใช้พลังงาน ที่มีความเป็นเหตุเป็นผลมากกกว่าวิธีเดิม เพราะถ้างานมาก คนมาก ให้บริการมาก การใช้พลังงานก็มากตามไปด้วย เชื่อว่าข้าราชการจะยอมรับวิธีใหม่ ให้บริการได้อย่างเต็มที่ และสุขภาพจิตดีขึ้นกว่าเดิม”
ด้าน นายศุภยุทธ สาครบุตร ผู้อำนวยการสนง.พลังงานภูมิภาคที่ 11 กล่าวว่า รัฐบาล ได้ประกาศให้การประหยัดพลังงานเป็นวาระแห่งชาติ โดยทุกหน่วยงานราชการต้องเป็นผู้นำในการลดใช้พลังงาน ทั้งด้านไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง และกำหนดเป้าหมายที่ระดับ ร้อยละ10 เทียบกับปริมาณการใช้ในปี 2546 ซึ่งกระทรวงพลังงาน ได้ติดตามการดำเนินงานลดใช้พลังงานในหน่วยงานราชการ ในช่วงปี 2549 โดยอำนวยความสะดวกในการรายงานด้วยระบบ Internet ผ่าน website www.e-report.energy.go.th พร้อมทั้งให้การบริการตอบข้อซักถามทางโทรศัพท์ และเห็นได้ว่า บุคลากรในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ มีความเข้าใจในแนวทางประหยัดพลังงานและให้ความร่วมมือปฏิบัติอย่างจริงจังมากขึ้น
“สำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 11 มีพื้นที่รับผิดชอบใน 7 จังหวัด คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง จาก 509 หน่วยงาน ที่รายงานข้อมูลการใช้พลังงานครบถ้วน พบว่าลดการใช้พลังงานในปี 2549 ได้ถึง 1.48 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 508,000 ลิตร ประหยัดเงินงบประมาณกว่า 16.40 ล้านบาท สำหรับหน่วยงานราชการที่สามารถลดการใช้พลังงานได้ดีเยี่ยม ด้านไฟฟ้า ได้แก่ สำนักงานคลัง จ.กระบี่ และด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด ณ อำเภอตะกั่วป่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งต้องขอแสดงความยินดี และขอบคุณเพื่อนข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ของรัฐทุกท่าน ที่ร่วมมือลดใช้พลังงานจนเห็นผล เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก” ผอ.สพภ.11 กล่าว
โครงการนี้ถือเป็นประโยชน์แก่ข้าราชการในเรื่องการลดใช้พลังงานทั้งปริมาณน้ำมัน และไฟฟ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านของการประหยัดรายจ่ายด้านพลังงาน การลดการพึ่งพาด้านพลังงานจากต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสในการนำงบประมาณไปพัฒนาในด้านอื่นๆ ที่มีความสำคัญและจำเป็นกับประเทศต่อไป
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ธนาคารธนชาต จัดพิธีเปิดงานธนชาต Kids Camp ปี 3
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: CPF ลงทุนโรงงานแปรรูปกุ้ง
- ธ.ค. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า 3 ประเทศ