หัวเว่ยจับมือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตั้งศูนย์ฝึกอบรมการติดตั้งระบบโซลาเซลล์แห่งใหม่ ผลักดันเทคโนโลยีสีเขียว พร้อมเสริมทักษะบุคลากรดิจิทัลไทย

จันทร์ ๑๘ ธันวาคม ๒๐๒๓ ๐๘:๕๓
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดตัวสถาบันพัฒนาแรงงานในจังหวัดปทุมธานี ศูนย์ฝึกอบรมและรับรองมาตรฐานการติดตั้งระบบโซลาเซลล์แห่งใหม่ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อผลักดันเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาทักษะและรับรองมาตรฐานบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถของประเทศไทย ภายในงานยังมีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) ในการสานต่อความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและกพร. เพื่อผลักดันการพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต ตามพันธกิจของหัวเว่ยที่ต้องการ "เติบโตพร้อมกับประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย" โดยมีผู้บริหารจากหัวเว่ยและตัวแทนจากกพร. เข้าร่วมพิธีเปิดและพิธีลงนาม

ศูนย์ฝึกอบรมและรับรองมาตรฐานการติดตั้งระบบโซลาเซลล์แห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและกพร. ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในด้านการติดตั้งระบบพลังงานดิจิทัลในประเทศไทย และสร้างอีโคซิสเต็มของบุคลากรที่มีความสามารถ รวมทั้งส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมโซลาเซลล์และโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีสีเขียวในประเทศ ศูนย์ดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกอบรมทักษะการติดตั้งหลังคาโซลาเซลล์ ด้วยการอบรมให้ความรู้และทักษะเรื่องเทคโนโลยีระบบพลังงานดิจิทัลใหม่ล่าสุดที่จะช่วยส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย

นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวในงานเปิดตัวครั้งนี้ว่า: "หัวเว่ยเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงความมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้านบุคลากรดิจิทัลในอนาคต แต่ยังมีศักยภาพในการก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านระบบพลังงานดิจิทัลอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาคอีกด้วย โดยปัจจุบัน หัวเว่ยได้ริเริ่มโครงการโซลาเซลล์สำหรับที่อยู่อาศัยหลากหลายโครงการในประเทศไทย และได้ร่วมมือกับพันธมิตรในภาคเอกชน หน่วยงานรัฐบาล และสถาบันการเงินหลากหลายองค์กรเพื่อส่งเสริมการใช้โซลูชันพลังงานสะอาดให้แพร่หลายในที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย การเปิดตัวศูนย์อบรมในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มมากขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพลังงานสะอาด รวมไปถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการช่วยให้ประเทศไทยไปถึงเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียน"

นางจิรวรรณ สุตสุนทร ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กล่าวในพิธีว่า: "การพัฒนาศักยภาพแรงงานให้มีผลิตภาพสูง รองรับความต้องการของตลาดแรงงานสมัยใหม่ ถือเป็นภารกิจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในการตอบสนองยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ โดยปัจจุบันประเทศไทยเริ่มหันมาใช้พลังงานทดแทนซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการผลิตไฟฟ้า แต่ยังขาดแคลนแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาเซลล์จำนวนมาก ดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันเตรียมความพร้อมในการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะฝีมือเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานด้านดิจิทัลรวมทั้งการเปิดศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีด้านการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ในครั้งนี้ ทางกระทรวงแรงงานต้องขอขอบคุณ หัวเว่ย ประเทศไทย ที่สนับสนุนเครื่องมืในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีด้านการติดตั้งอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่นำมาพัฒนากาลังแรงงาน ให้มีความรู้ และความสามารถมากยิ่งขึ้น"

ความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยกับกพร. เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ประเทศไทยที่จะสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 เป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ณ การประชุม COP26 โดยตั้งเป้าที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2608 เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว หัวเว่ยได้ตั้งส่วนธุรกิจพลังงานดิจิทัลขึ้นในปี 2565 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานระบบโซลาเซลล์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนโครงการในประเทศจำนวน 30,000 โครงการ และสร้างทักษะให้บุคลากรไทยจำนวน 10,000 คนในระยะเวลาสามปีอย่างต่อเนื่อง โดยหัวเว่ยประสบความสำเร็จในการส่งมอบโซลูชันพลังงาน FusionSolar ร่วมกับธนาคารในประเทศเพื่อเปิดตัวสินเชื่อเทคโนโลยีสีเขียว และจับมือกับห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ในการติดตั้งโซลาฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ บนหลังคาห้างสรรพสินค้า ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4,000 ตัน นับตั้งแต่การติดตั้งในปี 2564

นอกจากด้านการส่งเสริมทักษะและการแลกเปลี่ยนความรู้ ศูนย์ฝึกอบรมดังกล่าวยังจะส่งมอบประกาศนียบัตรร่วมให้กับบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านระบบพลังงานดิจิทัล ยกระดับประสิทธิภาพและความรวดเร็วในโครงการติดตั้งระบบโซลาเซลล์ทั่วประเทศ การร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การอบรมและการรับรองมาตรฐานร่วมกันให้แก่บุคลากรด้านพลังงานดิจิทัล ซึ่งไม่เพียงแต่มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมโซลาเซลล์ แต่ยังทำให้เกิดสาธารณประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงโอกาสในการสร้างงาน การยกระดับคุณภาพในการติดตั้งระบบโซลาเซลล์ รวมถึงปูทางให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหรกรรมและภาครัฐต่อไป

"นอกจากการเปิดตัวศูนย์ฯ เรายังมีความยินดีที่ได้สานต่อความร่วมมือด้วยบันทึกข้อตกลง (MoU) กับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่จะจะมุ่งเน้นเรื่องการอบรมด้านเทคโนโลยี 4G และ 5G การติดตั้งระบบโซลาเซลล์ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยบนคลาวด์ให้บุคลากรในประเทศ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือนี้ เราจะผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน โดยสร้างความเติบโตให้แก่เทคโนโลยีสีเขียว และพัฒนาความสามารถให้กับบุคลากรในปัจจุบันและอนาคต เพื่อช่วยเป็นแรงผลักดันให้อนาคตของประเทศไทยเป็นไปในแนวทางเดียวกับพันธกิจของเรา ที่มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่ทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อสร้างประเทศไทยที่เชื่อมต่อ อัจฉริยะ และคาร์บอนต่ำ" นายเดวิดกล่าวปิดท้าย

ที่มา: คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ