การ์ทเนอร์เปิด 4 เทรนด์สำคัญของวงการควบรวมและซื้อกิจการ ในปี 2567

ศุกร์ ๑๕ ธันวาคม ๒๐๒๓ ๑๓:๑๒
การ์ทเนอร์เปิด 4 เทรนด์สำคัญของวงการควบรวมและซื้อกิจการ ในปี 2567 พบองค์กรยังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี เพื่อกลับเข้าสู่ตลาด M&A ในปีหน้า

การ์ทเนอร์เปิดเทรนด์สำคัญของวงการการควบรวมและซื้อกิจการ หรือ Mergers and Acquisitions - M&A ในปี 2567 ซึ่งรวมถึงการปลดล็อกโอกาส M&A ทางเทคโนโลยี ท่ามกลางความคลุมเครือทางเศรษฐกิจระดับมหภาคด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาปรับปรุงกระบวนการ M&A การเข้าซื้อกิจการในธุรกิจกลุ่ม AI และสำรวจสภาพแวดล้อมของกฎระเบียบที่ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

มาร์ค แครอล รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "การควบรวมกิจการทั่วโลกยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลดลง 50% จากจุดสูงสุดที่เป็นประวัติการณ์ในปี 2564 โดยความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคและกฎระเบียบเป็นแรงเสริมของแนวโน้มดังกล่าว แต่การมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ AI ที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถพาองค์กรกลับเข้าสู่ตลาด M&A อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปีหน้านี้"

คริส แกนลี่ รองประธานทีมผู้จัดการของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "การควบรวมกิจการยังเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรส่วนใหญ่ ดังนั้นปีหน้าเราจะเห็นความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รับมือกับแนวโน้มตลาดนี้อย่างไร โดยความสำเร็จของการควบรวมกิจการหมายถึงการที่ผู้บริหารสามารถวางตำแหน่งองค์กรของตนให้เป็นผู้นำตลาดต่อไปได้ในอีกหลายปีข้างหน้า"

เทรนด์ที่ 1: ความคลุมเครือทางเศรษฐกิจมหภาคปลดล็อกโอกาสการควบรวมกิจการทางเทคโนโลยี

การ์ทเนอร์ระบุว่าความคลุมเครือทางเศรษฐกิจมหภาคจะยังคงมีอยู่ในปีหน้า โดยมีสัญญาณบวกและลบปะปนกัน ซึ่งส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย การจ้างงาน ต้นทุนของเงินลงทุน และความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภค

ก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงจะต้องต่อสู้เพื่อการระดมทุนรอบถัดไป และจะมองหาทางเลือกอื่น ๆ  ซึ่งรวมถึงการเปิดให้เข้าซื้อกิจการโดยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนและอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือ Strategic Buyers การ์ทเนอร์แนะนำว่าองค์กรที่มีเงินทุนควรใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยการเข้าซื้อกิจการธุรกิจเทคโนโลยีขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า Techquisitions ด้วยความที่มีมูลค่าต่ำกว่าและเข้าถึงเงินทุนได้น้อยกว่าที่โดยทั่วไปมักจะเปิดให้เข้าซื้อกิจการได้ในสภาวะเศรษฐกิจสดใส

เทรนด์ 2: การใช้ AI จะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ

การ์ทเนอร์ระบุว่า การใช้ AI จะมีผลอย่างมากต่อความเร็ว ประสิทธิภาพ และประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการควบรวมกิจการ อย่างไรก็ตามความเฉพาะของวิธีการและตำแหน่งที่ AI ถูกนำไปใช้นั้นกำลังเกิดขึ้นเพื่อระบุสิ่งที่ใช้ได้จริงในปัจจุบันเทียบกับความเป็นไปได้ในระยะยาว

การ์ทเนอร์แนะนำให้ใช้ AI ในกระบวนการ M&A แบบภายในก่อน โดยพัฒนาและทดสอบเคสการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะด้านการวิเคราะห์สัญญาที่เป็นการประยุกต์ใช้ AI ที่ทรงประสิทธิภาพในตอนนี้ เพื่อปรับปรุงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหนังสือแสดงเจตจำนง สัญญาการตรวจสอบประเมินสถานะของกิจการ สัญญาหลักที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย และการเจรจาข้อตกลงร่วมกันในการโอนย้ายธุรกิจหรือ TSA รวมถึงการต่ออายุและการรวมสัญญา

เทรนด์ที่ 3: กลยุทธ์ AI จะต้องใช้แนวทางใหม่ ๆ เพื่อควบรวมธุรกิจ AI

แม้ว่าการควบรวมกิจการของธุรกิจ AI ยังไม่ได้รับความนิยมสำหรับองค์กรต่าง ๆ แต่การ์ทเนอร์เชื่อมั่นว่าการที่องค์กรต่างมุ่งให้ความสำคัญในด้านเทคโนโลยีจะนำไปสู่การสร้างข้อตกลงหรือดีลธุรกิจมากมายในปี 2567 จากการสำรวจความคิดเห็นของซีอีโอและผู้บริหารธุรกิจของการ์ทเนอร์ ประจำปี 2566 พบว่า AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่สุด การ์ทเนอร์แนะนำว่าการเข้าซื้อธุรกิจ AI จะเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญในปีหน้า ส่วนองค์กรที่ขาดทักษะหรือมีเวลาจำกัดในการพัฒนาความสามารถด้วยตนเองสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ M&A เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีแทนได้

เทรนด์ที่ 4: กฎระเบียบและการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้นจะขีดขวางการควบรวมกิจการขนาดใหญ่

การ์ทเนอร์คาดว่า การตรวจสอบกฎระเบียบในดีล M&A โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านผูกขาดทางการค้าและความมั่นคงของชาติกำลังทวีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นและจะเป็นปัจจัยสำคัญขัดขวางดีล M&A ขนาดใหญ่ในปี 2567 อย่างไรก็ตามแนวโน้มนี้กลับเพิ่มความน่าสนใจในการดำเนินการดีลข้อตกลง M&A กับบริษัทขนาดเล็กและบริษัทหลากหลายในอุตสาหกรรมจำนวนมาก ที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในสภาพแวดล้อมนี้

"แม้การตรวจสอบกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อธุรกรรม M&A ขนาดใหญ่ แต่สามารถสร้างโอกาสทางการแข่งขันให้กับองค์กรที่เป็นผู้นำในการบรรลุดีลขนาดเล็ก ๆ มากขึ้น สำหรับผู้ที่มุ่งเน้นดีลที่ใหญ่กว่า สิ่งสำคัญคือต้องใช้แนวทางเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลในปีหน้า" แกนลี่ กล่าวเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารและข้อมูลอัปเดตจาก Gartner for IT Executives ได้ทาง X และ LinkedIn โดยติดแฮชแท็ค #GartnerIT หรือเยี่ยมชม IT Newsroom สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม

เกี่ยวกับการ์ทเนอร์ 

บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงและมีความเป็นกลาง ช่วยขับเคลื่อนการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดลำดับความสำคัญของภารกิจองค์กร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gartner.com

ที่มา: พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version