วันที่ 12 ธันวาคม 2566 บริษัท อิชิมารุ ฟาร์คอส จำกัด ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการผลิตสารสกัดกับ บริษัท รีโว่เมด (ไทยแลนด์) จำกัด นำโดย ดร.วาสนา อินทะแสง ที่เดินทางไปเซ็นต์ข้อตกลงความร่วมมือการผลิตสารสกัดที่โรงงาน อิชิมารุ ฟาร์คอส เมือง กิฟุ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเป็นประธานในพิธีเปิด เครื่องจักรผลิตสารสกัดเซราไมด์จากจมูกข้าวตัวใหม่ ร่วมกับ Mr. Yoshihiko Ando…ประธาน บริษัท อิชิมารุ ฟาร์คอส จำกัด และเยี่ยมชมกระบวนการและนวัตกรรมการผลิตสารสกัด Ceramide จากจมูกข้าวญี่ปุ่นระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และอาหารเสริมแบรนด์ดังที่ผู้บริโภคทั่วโลกให้การยอมรับ
ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม เครื่องสำอางและอาหารเสริม ของทั้งสองประเทศ กับการจับมือพัฒนาสารสกัด Ceramideจากจมูกข้าวญี่ปุ่น ชื่อ Phytocera-NW15 ที่มีความเข้มข้นสูงสุดในตลาด มากถึง 15% โดยเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ รีโว่เมด (ไทยแลนด์) เท่านั้น ในชื่อเครื่องหมายการค้า คือ "Kirei Cera (คิเรอิ เซรา)" โดยวัตถุดิบได้คัดสรรจากข้าวญี่ปุ่นพันธุ์ดี ที่แพงที่สุดในโลก สายพันธุ์ "Kinmemai" มาเป็นหนึ่งในการทำสารสกัดนี้ ซึ่งจะใช้ข้าว 120 ตัน ต่อการทำสารสกัด 1 กิโลกรัม พัฒนาและทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ Dr. Arunasiri Iddamalgoda, Managing Director จาก อิชิมารุ ฟาร์คอสเซราไมด์ที่ความเข้นข้นสูงสุดนี้จะทำให้ผิวชุ่มชื่น ซึมลึกสู่ชั้นผิวได้ลึกขึ้น ผิวกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ จุดด่าวดำดูจางลง เห็นผลภายใน 3 วัน อีกทั้งยังช่วยเรื่องการลดการเกิดริ้วรอย ถือว่าเป็นการวิจัย และพัฒนาสารสกัดที่ตอบโจทย์ตลาดสุขภาพ และความงาม อย่างแท้จริง
อีกทั้งภายใต้การร่วมมือนี้จะเป็นการถ่ายทอดนวัตกรรมด้านสารสกัด การพัฒนาสูตร เทคนิคในการผลิต และบุคลากร เพื่อให้ได้ สารสกัด และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยทุกสูตรที่ผลิตที่รีโว่เมดจะสามารถเคลมได้เลยว่า "developed in Japan" ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายอันโดดเด่นที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับเจ้าของแบรนด์ได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง ดังนั้นการที่มีจุดขายที่แกร่งและแตกต่างจะช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
นับว่าเป็นโอกาสอันดีของเจ้าของแบรนด์ผู้ประกอบการชาวไทยที่จะได้สินค้าที่ดี คุณภาพระดับสากล ในราคาที่เหมาะสม จับต้องได้ เป็นการร่วมมือของ 2 บริษัทในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ส่งผลดีในหลากหลายด้าน รวมทั้งเป็นการช่วยยกระดับนวัตกรรมและมาตรฐานการผลิตเครื่องสำอาง และอาหารเสริมของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น ให้กับสินค้าเครื่องสำอางของเมืองไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี
ที่มา: แบรนด์ คอมมิวนิเคชัน