ฝ่ายวิจัยของธนาคารเรามองว่ามีโอกาสราวร้อยละ 65 ที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวในลักษณะ Soft Landing ในปี 2567 จากการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 และระดับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป้าหมายมีโอกาสที่จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ดังนั้นในปี 2567 จะเป็นปีที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารกลางในประเทศต่างๆ เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำ และเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
มูลค่าของตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศต่างมีความน่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นกู้คุณภาพดี รวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่น เช่น Private Credit ที่มีคุณภาพสูง และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ Mortgage-backed securities เป็นต้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ คาดว่าจะถูกปรับลดลงไปที่ระดับร้อยละ 3.50 - 3.75 ในปี 2568 จากระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 5.25 - 5.50 ซึ่งเราเชื่อว่าลูกค้ามีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพดี และพันธบัตรรัฐบาลของไทยในช่วงวัฎจักรอัตราดอกเบี้ยขาลงได้เช่นเดียวกัน หนึ่งในเสาหลักและเป็นข้อได้เปรียบของ Wealth Management ของธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย คือการให้บริการซื้อ-ขายพันธบัตรและหุ้นกู้ในตลาดรองที่ลูกค้าสามารถที่จะขายคืนตราสารหนี้ที่ลงทุน เพื่อที่จะรับรู้กำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้จากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงเป็นช่องทางการซื้อตราสารหนี้คุณภาพดีเข้ามาในพอร์ทการลงทุน ซึ่งทางธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย มีทีม Wealth Research and Advisory ที่คอยให้คำแนะนำการลงทุน รวมไปถึงวิเคราะห์และปรับพอร์ทการลงทุนให้สอดคล้องและตอบรับกับสภาวะตลาดและการลงุทนเพื่อสร้างผลตอบแทนตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า
ในฝั่งตราสารทุนก็เป็นโอกาสของนักลงทุน เนื่องจากในแต่ละตลาด หรืออุตสาหกรรมได้มีการรับรู้มุมมองเชิงลบต่อตลาดมากกว่าที่เราคาด ธนาคารจึงแนะนำให้นักลงทุนโดยทั่วไปให้ความสำคัญกับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจและปัจจัยพื้นฐาน ทั้งในส่วนของคุณภาพของกำไร และความสามารถของทีมบริหาร โดยเรามองว่าการลงทุนเป็นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวไม่ใช่เป็นเพียงการเก็งกำไรในระยะสั้น ซึ่งการพลาดจังหวะซื้อในช่วงสั้นๆ ไม่สามารถที่จะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลตอบแทนจากการลงทุนทุนในระยะยาวได้ โดยที่ ซีไอเอ็มบีไทย มีทางเลือกลงทุนระยะยาวให้ลูกค้ามากมายทั้งกองทุนรวม หุ้นกู้ทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึง หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ structured product อาทิ Equity Linked Notes ที่สามารถออกแบบเพื่อที่จะสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการชองลูกค้าได้ ตลอดจนการลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์กลุ่มประกัน ทั้ง Unit-Linked และ Universal Life ซึ่งช่วยเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งการลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของตนได้
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงขึ้น ซีไอเอ็มบี ไทยมี Wealth Credit Line ซึ่งเป็นวงเงินพิเศษ เพื่อมอบสภาพคล่องให้กับลูกค้าที่มีการลงทุนกับเราอยู่แล้ว และต้องการลงทุนเพิ่มโดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์ในพอร์ทการลงทุน ซึ่งบริการดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ลูกค้า ในขณะที่สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการการลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ลูกค้าต้องการ ในขณะเดียวกัน เงินฝากยังคงเป็นรากฐานหลักในการบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าทุกคน ธนาคารมุ่งมั่นที่จะมอบอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้มากที่สุด ทั้งในส่วนของบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากดิจิทัล เงินฝากประจำ และเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) รวมถึงบัญชีเงินฝากสำหรับ CIMB Preferred ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.2% รวมถึงอัตราพิเศษเป็นโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่
"จุดแข็งของ CIMB Thai ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค ช่วยให้เราสามารถเชื่อมโยงลูกค้ากับข้อเสนอแนะที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค เช่น ผลิตภัณฑ์ offshore insurance ที่มาพร้อมกับการจัดหาเงินทุนระดับพรีเมียมสำหรับลูกค้า CIMB Preferred รวมไปถึง รางวัล และสิทธิพิเศษระดับภูมิภาค สำหรับ การศึกษา การแพทย์ และครอบครัวของลูกค้า นอกจากนี้ ทีมวิเคราะห์และวิจัยของ Chief Investment Officer (CIO) ระดับภูมิภาคของ CIMB Thai จะช่วยให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดและปรับให้เหมาะลูกค้า CIMB Preferred เพราะความไว้วางใจและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเรา" นายติยะชัย กล่าว
น.ส.กมลพรพรรณ ภัทรฤทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการ กลยุทธ์ลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า จากกลยุทธ์ดูแลลูกค้า Wealth อย่างเข้าใจ ใกล้ชิด และตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่าง ธนาคารมีแผนงานขยายฐานลูกค้า CIMB Preferred ให้เติบโตต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี จากปัจจุบันมีสมาชิก CIMB Preferred ประมาณ 100,000 ราย และมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) 3.6 แสนล้านบาท และจากการศึกษาความต้องการของลูกค้า พบเป้าหมายที่แตกต่างกันของลูกค้า 3 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่ม Preferred 3-10 ล้านบาท กลุ่ม Preferred Elite 10-30 ล้านบาท และ Private Wealth 30 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนของ CIMB Thai มีจุดแข็งเรื่องความหลากหลายและครบทุกความต้องการ ธนาคารจึงสามารถคัดสรร และนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
"เราโฟกัสกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ (Next generation investor) รวมถึงกลุ่ม mass affluent โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ Generation ที่ 2 ที่ 3 ที่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว ที่สนใจเรื่องการวางแผนการลงทุน คนกลุ่มนี้สนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ตลอดเวลา ไม่เพียงแค่สภาวะตลาด การลงทุน แต่รวมถึงทักษะการเป็นผู้นำ ซึ่ง CIMB Group ที่แข็งแกร่งด้านเครือข่ายอาเซียน มีกิจกรรมส่งเสริมและจัด Next Generation Leadership Program ให้ลูกค้า private wealth ในภูมิภาคอาเซียน ให้มีความรอบรู้และมีความพร้อมในการที่จะขึ้นมารับบทบาทสำคัญต่อจากครอบครัว เรานิยามคนรุ่นใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงว่าเป็น Global Citizen มีศักยภาพในการใช้ชีวิต ทำธุรกิจ และลงทุนอย่างไร้พรมแดน ซึ่ง CIMB Thai และ CIMB Group ตอบโจทย์ลงทุนครอบคลุม onshore และ offshore"
นายสุวดิศ ดิสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารช่องทางการขายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า อีกจุดแข็งที่โดดเด่นของ CIMB Thai คือ เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า จากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าทางด้าน Wealth ที่ผ่านมา CIMB Thai ได้รับคะแนนความพึงพอใจในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด และปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่น คือความรู้ความสามารถและการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล โดยเรามีการพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในทุกช่วงอายุการทำงาน เริ่มตั้งแต่มีกระบวนการดูแลพนักงานอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เข้ามาร่วมงานโดยใช้ระบบสมุดพกนักเรียน (Learning Passport) และระบบพี่เลี้ยงและเพื่อนคู่หู (Coach & Buddy) เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานใหม่ทุกคนจะสามารถดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดี การอัพเดทข้อมูลข่าวสาร ทุกวันทำการเวลา 08.00 น. ทุกคนจะได้ฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ สภาวะตลาด เศรษฐกิจ ความรู้ ให้ทันสมัยและทันเหตุการณ์ เพื่อให้พร้อมกับการให้คำแนะนำลูกค้าในทุกๆวัน
"นอกจากนี้ เรากำลังสร้างโครงการ 'Wealth Manager' อ้าแขนรับผู้จัดการสาขา หรือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าที่เกษียณอายุ แต่ยังมีพลังในการทำงาน กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง เป็นโครงการที่ได้ประโยชน์กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง 1. พนักงานของ CIMB Thai ที่เกษียณ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีพลังในการทำงาน ก็จะได้ทำงานดูแลลูกค้าต่อไป 2. ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจ และมั่นใจที่ได้รับการดูแลต่อเนื่องโดยเจ้าหน้าที่ที่คุ้นเคย 3. พนักงานในระดับถัด ๆ ไปก็มีโอกาสเติบโตขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของผู้ที่เกษียณ 4. ธนาคารได้สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและพนักงาน โปรแกรมนี้เริ่มแล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพนักงานที่กำลังจะเกษียณ เรามั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และในอนาคตจะพิจารณาถึงการเปิดรับพนักงานเกษียณอายุแต่ยังมีไฟจากสถาบันการเงินอื่นด้วย
ทั้งหมดนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา
ที่มา: ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย