เมย์แบงก์ เผยบทวิเคราะห์ Thai Market Compass ในหัวข้อ "แนวโน้มปี 2567 ได้เวลาฟื้นตัว"

พุธ ๒๐ ธันวาคม ๒๐๒๓ ๑๘:๐๘
เมย์แบงก์ เผยบทวิเคราะห์ Thai Market Compass ในหัวข้อ "แนวโน้มปี 2567 ได้เวลาฟื้นตัว"

บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST จัดทำบทวิเคราะห์ Thai Market Compass ในหัวข้อ "แนวโน้มปี 2567 ได้เวลาฟื้นตัว" โดยมองเป้าดัชนี SET Index ปีหน้าที่ 1640 จุด อิงจาก PER เฉลี่ย 10 ปีที่ 16.9 เท่าและ EPS67F ที่ 97 บาท/หุ้น กลับมาเติบโต 14%YoY ขณะที่ระดับ Valuation ซื้อขายบน PER67F ที่ 14 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -1 S.D. หรือมองในมุม Earning Yield Gap หรือส่วนต่างระหว่าง Earning Yield ของตลาดหุ้นเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวอยู่ที่ 4.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 3.6% เกือบ 1SD ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่แพง แนะนำเพิ่มแนะนำลงทุน (Overweight) กลุ่มค้าปลีก ICT  พลังงาน และลดน้ำหนักการลงทุน (underweight) ในกลุ่มปิโตรเคมีและการท่องเที่ยว (โรงแรม สนามบิน สายการบิน) โดยหุ้น Top Pick ชอบ KBANK EPG  PTT GPSC TRUE BCP COM7 SABINA

ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นในปี 2567 มาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ MST Research คาด GDP Growth ปี 67 ขยายตัว 3.6%YoY  เร่งตัวขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 2.3%YoY แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสำคัญ FED และ ECB เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อตลาดหุ้นในมุม Valuation ที่ทำให้ซื้อขายบน PER ที่สูงขึ้น

กำไรบริษัทจดทะเบียนคาด EPS67F ที่ 97.00 บาท/หุ้น ขยายตัว 14%YoY หากพิจารณาเฉพาะหุ้นที่อยู่ภายใต้ Coverage ของเราพบว่าทำกำไรสุทธิขยายตัว 10%YoY โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.4%-5.9% ในปี 67-68F จาก 5% ในปี 66F ซึ่งเร่งตัวได้มากกว่ารายได้ที่เติบโตเพียง 2%YoY หลังจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงและต้นทุนพลังงาน (ก๊าซ ไฟฟ้าและน้ำมัน) เข้าสู่ภาวะปกติ ด้านทิศทาง Fund Flow เชื่อว่าปี 2567 จะกลับมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้นบ้านเรา เพราะนอกเหนือจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสำคัญที่มักทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่แล้ว พบว่าระดับการถือครองหุ้นของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำเพียง 29% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเกือบ 1 SD (31%) ทำให้แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมีจำกัดในอนาคต

จักร เรืองสินภิญญา กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานและกลยุทธ์การลงทุน มีความเห็นว่า สำหรับทางเลือกการลงทุนอยู่บน 3 Themes หลัก 1) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคชอบ KBANK (คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น) และ EPG (การฟื้นตัวของการส่งออก) 2) หุ้นที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดต้นทุน ได้แก่ PTT, GPSC (รับอานิสงส์จากต้นทุนก๊าซที่ลดลงทั้งคู่) และ TRUE (opex ด้านเครือข่ายและต้นทุนบุคลากรหลังการควบรวมกิจการลดลง) และ 3) ส่วนหุ้นกลุ่มที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุด เรายังคงชอบ BCP (synergy กับ BSRC), SABINA (การเติบโตของยอดขายบวกกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น) และ COM7 (การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด)

ที่มา: ไอเดีย เวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๗ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จับมือ JAM ส่งอีเวนต์สุดปังตลอดปี 2568 ปลุกตลาดอนิเมะในไทย ประเดิมงานแรกนิทรรศการอนิเมะสุดยิ่งใหญ่ Muse Anime Festival 2025 ชมฟรี!! ชั้น 4 โซน
๑๖:๒๕ สองสถาบันประชุมเตรียมความพร้อม จัดงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ ครั้งที่ 75
๑๖:๒๙ ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น Masked Depression ภัยเงียบที่คุณอาจมองไม่เห็น
๑๖:๔๑ สภากาชาดไทย ร่วมกับ โรงพยาบาลรามคำแหง เชิญร่วมบริจาคโลหิต ครั้งที่ 52
๑๖:๑๙ กทพ. สร้างประวัติศาสตร์ใหม่! มหกรรมสุขเต็มสิบ ฉลองสะพานทศมราชัน ดึงผู้ร่วมงานกว่า 2 แสนคน พร้อมเตรียมพบกิจกรรมเดิน - วิ่งลอยฟ้า บนสะพานทศมราชัน 26 ม.ค.
๑๕:๑๒ วิทยาลัยดุสิตธานี จัดการแข่งขันภายใน โครงการ DTC X Unilever food solutions The Future Food Menu 2024 ร่วมกับ Unilever Food
๑๕:๒๑ ร้านอาหารจีน เฮยยิน ต้อนรับตรุษจีนปีมะเส็ง กับ 11 เมนูอะลาคาร์ตมงคล และ 3 เซตตรุษจีนมงคล
๑๕:๐๐ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งความสุข และกำลังใจ มอบอั่งเปา ชุดของขวัญ และจัดเลี้ยงอาหารแก่คนชราไทย -จีน รวม 5 แห่ง เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี
๑๕:๑๘ บางกอกทูเดย์จัดเสวนา 2568 สัญญาณอันตรายรัฐบาล ในสายตากูรูการเมือง
๑๔:๑๖ เจแปน ไพรซ์ ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลประจำปี 2568