ตลาดหุ้นอินเดียยังได้แรงหนุนจากปัจจัยเพิ่มเติม คือ การเมืองระหว่างประเทศของจีนและสหรัฐฯที่เริ่มส่งสัญญาณร้อนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯเริ่มมีเสถียรภาพและใช้โอกาสนี้ในการขยายอิทธิพลมายังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยอินเดียถือเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจใหญ่และเติบโตเร็วในเอเชีย อีกทั้งยังมีบริษัทเอกชนสหรัฐฯจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนเข้าไปยังอินเดียท่ามกลางความขัดแย้งของสองมหาอำนาจ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาสหรัฐฯพยายามขยายความร่วมมือด้านการลงทุนกับอินเดียในหลายด้าน และมีการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ปี 2024 และ 2025 อยู่ที่ 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ (ที่มา: Bloomberg ณ วันที่ 15 ธ.ค.66)
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากการบริโภคภายในประเทศ โดยดัชนี SENSEX ของตลาดหุ้นอินเดียได้รับคาดการณ์ประมาณการกำไร (EPS) ขึ้นไปกว่า 14% ในปี 2024 (ที่มา: Bloomberg ณ วันที่ 15 ธ.ค.66) นอกจากนั้นระดับราคาหุ้น หรือ Valuation ซึ่งวัดจากอัตราส่วนราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน (P/E Ratio) ยังอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีในการลงทุน โดยกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดทีเอ็มบี India Active Equity หรือ TMBINDAE ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว ซึ่งมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก คือ กองทุน Goldman Sach India Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทในประเทศอินเดียที่มีคุณภาพและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งกองทุนหลักมีเป้าหมายเอาชนะดัชนี MSCI India IMI ในระยะยาว โดยเน้นคัดสรรการลงทุนแบบ Bottom Up จากทีมงาน local based ทำให้กองทุนนี้มีความโดดเด่นเรื่องการหาผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากหุ้นขนาดกลางและเล็ก
"เราจะเห็นได้ว่ามี Global Supply Chain เริ่มไปสู่อินเดียมากขึ้น โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Foxxcon , Amazon , Google ประกาศเข้าลงทุนในอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการผลิต ทำให้มีโอกาสเกิดการจ้างงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความชัดเจนด้านนโยบายภาครัฐหลังจากพรรค BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทระ โมที ชนะการเลือกตั้ง 3 ใน 4 รัฐในปีนี้ และมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายต่างๆของรัฐบาลมีความต่อเนื่อง นักลงทุนจึงไม่ควรพลาดโอกาสในการลงทุนตลาดหุ้นอินเดียที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของพอร์ตไปพร้อมเศรษฐกิจอินเดียในระยะยาว" นายยิ่งยง กล่าว
ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงทางด้านตลาด ความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและคู่สัญญา และความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่อง เป็นต้น
ที่มา: พีอาร์ดีดี