นายจิรายุ กล่าวว่า "วัตถุประสงค์ของการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯในครั้งนี้ เนื่องจากมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการให้บริการ Outsourced Contact Center ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทมาโดยตลอด บอร์ดบริษัทฯ จึงเห็นชอบปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ ให้มีความสอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้น"
ด้านการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement หรือ PP) มูลค่าการเพิ่มทุน PP ทั้งหมดเป็นจำนวนหุ้น 1,200,000,000 หุ้น หรือมูลค่า 720 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ มีรายชื่อนักลงทุนเด่น ๆ หลากหลายท่านที่ให้ความสนใจและตกลงจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6 รายคือ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) "AQUA", ม.ร.ว. จุลรังษี ยุคล, นาย จินดาสร แสงฤทธิ์, นาย ปฏิพล ประวังสุข, นาย อาดาม อินสว่าง และนางสาว รฐา วีระพงษ์
นอกจากนี้ การประชุมบอร์ดฯ ยังมีมติเห็นชอบให้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท Happy Products and Services ซึ่งให้บริการด้าน Tele-Sale เพื่อสร้างเป็นธุรกิจ Smart Call Center แบบครบวงจร เจาะกลุ่มลูกค้าทั้ง B2G B2B ที่เป็นรูปแบบ Inbound และเพิ่ม B2C ซึ่งจัดอยู่ในหมวด Call Center รูปแบบ Outbound โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้และ Target การให้บริการนี้ให้สูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา
"เราจะทำการ Re-branding ล้างภาพจำเก่า ๆ ของ OTO และแสดงให้เห็นถึงการ Turn Around ใหม่ในชื่อ "PEER" ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ทั้งด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้น โครงสร้างธุรกิจ ทีมผู้บริหาร รวมถึงวิธีการและแนวทางการดำเนินงาน อันจะก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคง กำไรเติบโตในอนาคต" นายจิรายุ กล่าวเสริม
ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทฯประกอบด้วย 2 ธุรกิจ คือ 1.) "Smart Call Center" และ 2.) ธุรกิจ Fintech "P2P Lending Platform" (อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการซื้อขายหุ้นจากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน)
ที่มา: บางกอก ออทัม