งานสมโภชดังกล่าว เริ่มต้นด้วยพิธีสักการะองค์ท้าวมหาพรหม ณ พรหมสถาน เครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี ในช่วงเช้า นำพิธีโดยนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ก่อนจะเริ่มพิธีสมโภชในช่วงเย็นด้วยพิธีไคตั้ว ซึ่งเป็นพิธีจีนเพื่อเปิดมณฑลพิธีเพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับ ณ มณฑลพิธี ก่อนจะตามมาด้วยพิธีไต่ปุยป๋อฉ่ำ หรือพิธีเจริญพุทธมนต์สำหรับพระโพธิสัตว์กวนอิม จากนั้นพิธีเริ่มอีกครั้งในช่วงเวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม ด้วยพิธีใหญ่ "ก่งจูเทียน" หรือพิธีไหว้เทพ 24 ธรรมบาล ซึ่งเป็นพิธีชั้นสูงเพราะเป็นการบวงสรวงเทพเทวดาของจีน เป็นการบูชาเหล่าเทพเทวดาฟ้าดิน เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเริ่มจากการสวดพระคาถามหากรุณาธรณีสูตรและอาราธนาบารมีของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มาชำระล้างมณฑลพิธี เพื่อต้อนรับเหล่าเทพเทวดาที่จะอัญเชิญมายังมณฑลพิธี จากนั้นถวายเครื่องสักการะบูชา ก่อนจะถวายภัตตาหารเช้าพระสงฆ์ 10 รูป แล้วจึงเป็นพิธีไคกวง หรือพิธีเบิกเนตร เพื่อปลุกเสกเพิ่มเสริมพลังให้กับเทวรูปทุกพระองค์ จากนั้นจึงเป็นพิธีบูชาดาวอายุวัฒนชันษา (ไป๊เต้า) เพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา ด้วยการสวดมนต์และเวียนธูปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อให้สิ่งไม่ดีพ้นไปและเสริมความเป็นสิริมงคลให้สิ่งดีๆ เกื้อหนุนเข้ามา จากนั้นเป็นพิธีถวายข้าวพระพุทธและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ก้งฮุก) แล้วจึงถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ และในช่วงบ่ายเป็นพิธีทิ้งกระจาดแจกทาน (เอี่ยมค่าว) ที่เชื่อกันว่าจะเป็นการสร้างมหาทานบารมีเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อลดจำนวนความหนาแน่นของผู้ที่มาร่วมพิธี ทางคณะผู้จัดงานจึงได้จัดเตรียมของสำหรับแจกทานและได้กระจายส่งมอบให้กับหน่วยงานต่างๆ ณ มณฑลพิธี เพื่อนำไปแจกจ่ายจำนวน 1,000 ชุด ก่อนจะปิดมณฑลพิธีน้อมส่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเวลา 16.30 น.
องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นหนึ่งในหลายพระโพธิสัตว์ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน ศาสนิกชนที่นับถือองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะไม่นิยมบริโภคสัตว์ใหญ่ ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นระลึกถึงองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมด้วยความศรัทธา ย่อมจะได้รับความสำเร็จและสมปรารถนา
องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ประดิษฐานภายในวิหาร "อี่ ทง เทียน ไท้" ภายในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ช่างชาวจีนได้แกะสลักขึ้นจากหยกขาวชิ้นเดียวที่ได้มาจากเหมืองในป่าลึกของเมืองนับปีตรู ประเทศพม่า เฉพาะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมีความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน เมื่อรวมฐานดอกบัว ฐานมังกร และฐานแปดเหลี่ยมแล้ว จะมีความสูงรวมถึง 5 เมตร และหนักมากถึง 14.43 ตัน แกะสลักเป็นปางประทานพรประทับบนหลังพญามังกร ที่มือของพระองค์ถือแจกันประทานน้ำอมฤต น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และกิ่งหลิว ไว้คอยชะล้าง ขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยของผู้ที่มากราบไหว้ขอพร และยังเป็นเสมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมกายใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำพระทัยแห่งความเมตตาที่ยากจะหาใดเปรียบได้ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมประทับยืนบนหลังพญามังกรเวียนว่ายกลางมหาสมุทร ซึ่งพญามังกรเปรียบได้กับความมั่งคั่งร่ำรวย สายน้ำเปรียบได้กับความลื่นไหลราบรื่น สำเร็จ ร่ำรวย เคล็ดลับสำคัญสำหรับคนที่มากราบไหว้บูชาเมื่ออธิษฐานแล้วต้องลูบพญามังกรด้วย เพื่อให้ได้ทั้งสมความปรารถนาและร่ำรวย
ตัววิหาร "อี่ ทง เทียน ไท้" ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2558 จำลองแบบมาจากวิหารเทียนถาน กรุงปักกิ่ง ออกแบบเป็นรูปทรงกลมตามอาคารต้นแบบ สร้างซ้อนขึ้นไป 3 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว โดยรอบภายในวิหารมีภาพวาดพระโพธิสัตว์กวนอิมปางต่างๆ ภายในตัวอาคารยังได้เสริมความวิจิตรตระการตาด้วยภาพเขียนลายต่างๆ ที่สื่อให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องจักรวาล ภพภูมิ ความสมบูรณ์และมั่งมี หลังคาของวิหารมุงด้วยกระเบื้องหลังคาแบบเซรามิกโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน นับเป็นวิหารแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้กระเบื้องโซลาร์เซลล์ รวมถึงติดตั้งสายล่อฟ้า ที่เปรียบเสมือนการรับพลังจากเบื้องบน เชื่อกันว่าคนที่มากราบไหว้ขอพรจะมีสุขภาพดี มีโชคลาภ
ศาสนิกชนผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมได้ ณ วิหาร "อี่ ทง เทียน ไท้" ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี เวลา 08.00-20.00 น. ของทุกวัน (โถงชั้นใต้ดินเปิด-ปิดเวลา 08.00-17.00 น.) และหากประสงค์ร่วมบุญกับวิหาร "อี่ ทง เทียน ไท้" สามารถร่วมบริจาคได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี มูลนิธิ ดร. เทียม โชควัฒนา ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสาธุประดิษฐ์ เลขที่บัญชี 068-292049-8 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา คุณยุรฉัตร เคียงศิริ โทร. 02-293-9000 ต่อ 271, 081-890-8984
ที่มา: อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น