นางสาวริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า ทุกวันนี้ ไม่มีองค์กรไหนไม่รู้จักคำว่า Business Transformation และองค์กรส่วนใหญ่ที่พยายาม Transform มักให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนระบบ หรือนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ แต่มองข้ามความสำคัญของการ Transform "คน" ทำงานไปพร้อมๆ กัน จนเกิดช่องว่างของทักษะ (Skill Gap) พนักงานขาดทักษะที่จำเป็นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง จนทำให้การ Transform นั้นไม่สำเร็จ
สอดคล้องกับข้อมูลจากรายงาน Future of Job Report 2023 โดย World Economic Forum (WEF) ที่ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการ "ขาดคนทำงาน" ที่มีทักษะและศักยภาพที่จำเป็น และการไม่สามารถดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงาน ถูกโหวตเป็น 2 อันดับสูงสุดของ "อุปสรรค" ที่ทำให้องค์กรเปลี่ยนแปลงไม่ได้
"องค์กรที่ transform สำเร็จ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพราะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยและแผนธุรกิจที่เข้มแข็ง แต่เขามี "คน" ที่มีทักษะที่ตอบโจทย์ความความต้องการของโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป สามารถขับเคลื่อน ใช้งาน และต่อยอดวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กรได้"
คุณริศรา เสริมว่า วิธีที่จะมีคนทำงานที่เก่งและใช่ มีทักษะที่ทันโลกอยู่ในองค์กร ได้แก่ 1.การดึงดูดคนเก่งเข้ามาร่วมงาน 2.การรักษาคนเก่งที่มีอยู่ในมือไว้ 3.การสร้างหรือพัฒนาคนเก่าให้เก่งขึ้น
ทั้งสามวิธีล้วนต้องอาศัยการออกแบบหลักสูตร "อบรม" (training) และแผนการ "พัฒนา" บุคลากรที่มีประสิทธิภาพ
จะ Transform คนได้สำเร็จ องค์กรต้องออกแบบการเทรนนิ่งให้ "เหมาะ" กับพฤติกรรมของคนทำงานยุคใหม่
ในยุคที่ทุกอย่างเร็ว หลากหลาย เข้าถึงง่าย รูปแบบการเทรนนิ่งก็ต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน องค์กรต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้เรียน และวางแผนการเรียนรู้ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ตามเทรนด์การเรียนรู้ของคนเปลี่ยนไป
ข้อมูลจาก SHRM พบว่า ในปี 2023 สัดส่วน 62% ของผู้เรียน ชอบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (hybrid) ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มากกว่าการเทรนนิ่งที่จำกัดแค่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
- โฟกัสกับเนื้อหาที่ สั้น กระชับ ใช้เวลาไม่นาน และใช้งานต่อได้ทันที (micro-learning) มากขึ้น
- มุ่งเน้นการเทรนนิ่งที่สามารถออกแบบตามความต้องการของพนักงานแต่ละคนได้มากขึ้น
- (personalised)
- เพิ่มการเรียนรู้ที่ทำให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับกลุ่มหรือมีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนกับผู้อื่น (social learning)
เร่งสร้างทักษะ "การคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา" ให้พนักงาน รับมือความเปลี่ยนแปลงของโลกใหม่
World Economic Forum (WEF) รายงานว่า องค์กร 44% คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปี ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานจะถูก disrupt และเปลี่ยนไป อย่างไรก็ดี Analytical Thinking เป็นทักษะที่ถูกให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง สะท้อนความต้องการความสามารถในการ "คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา" อย่างมีประสิทธิภาพในการทำงาน
คุณริศรา ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลากหลายแหล่งข้อมูลที่ศึกษาเทรนด์ของทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในโลกยุคใหม่ ทั้ง World Economic Forum (WEF), Forbes, E-Learning Industry, Coursera, Havard Business Review, HR Forecast, และ LinkedIn Learning พบว่า 10 ทักษะที่องค์กรมองว่าพนักงานต้องมี ถูกจัดอันดับและให้ความสำคัญสูงสุด เป็น Future of Work 2023 - 2027 ได้แก่
- Critical Thinking ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
- Digital Literacy ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
- Interpersonal Skill ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล
- Emotional Intelligence ความฉลาดทางอารมณ์
- Creative Thinking ความคิดสร้างสรรค์
- Leadership Skills ทักษะของผู้นำ
- Problem Solving ทักษะการแก้ปัญหา
- Adaptability ทักษะการปรับตัว
- Teamwork การทำงานเป็นทีม
- Resilience ทักษะในการรับมือกับความไม่แน่นอนด้วยความยืดหยุ่น
เปิดโอกาสให้พนักงานได้ "เลือก" เรียนสิ่งที่สนใจ คือกุญแจในการปิด Skill Gap และพัฒนาตัวเองให้ตอบโจทย์เป้าหมายขององค์กร
ข้อมูลจากรายงานของ World Economic Forum (WEF) ตอกย้ำเทรนด์ความยืดหยุ่นและการมีส่วนร่วมของผู้เรียนในการออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเอง พบว่า นอกจากทักษะด้าน Soft Skills ที่องค์กรให้ความสำคัญ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา ภาวะผู้นำ ฯลฯ พนักงานส่วนใหญ่ ยังเลือกเรียนและพัฒนาด้าน Hard Skills ทักษะเชิง Technical รวมถึงทักษะ "พื้นฐาน" ที่สำคัญต่อการทำงานของตัวเอง เช่น การอ่าน การเขียน การคำนวณ
การเลือกเสริมทักษะพื้นฐานของพนักงานรายบุคคลนี้ เป็นไปเพื่อพัฒนาให้ตนเองสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังขององค์กรในภาพใหญ่ และต่อยอดไปสู่การเชี่ยวชาญในสกิลที่เป็นที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น
"องค์กรอาจมองเห็นในภาพกว้างได้ชัดเจนกว่า ว่าต้องเพิ่มเติมให้พนักงานมีทักษะด้านใดเพื่อให้ธุรกิจทันโลกและการเปลี่ยนแปลง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีพื้นที่และตัวเลือกให้พนักงานได้เลือกและเรียนรู้ในสิ่งที่แต่ละคนมองว่าจำเป็นต่อการเติบโตและทำงานของตัวเองเช่นกัน" คุณริศรา เสริม
ทั้งนี้ PRTR มีบริการเทรนนิ่งพนักงาน ภายใต้แบรนด์ The Blacksmith จัดหลักสูตรอบรมพนักงานทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ตอบโจทย์เทรนด์การเรียนรู้แบบ Integrated Learning โดยแพลตฟอร์มที่ The Blacksmith มีพัฒนาขึ้นใหม่ มีคอร์สออนไลน์ที่ตอบโจทย์คนทำงานให้เลือกเรียนกว่า 300 คอร์ส ครอบคลุมทั้ง Soft Skills และ Hard Skills โดยเน้นการออกแบบเนื้อหาให้สั้น กระชับ และมี Summary Sheet สรุปเนื้อหาสำคัญให้ผู้เรียนใช้ทบทวนได้ง่ายๆ
สำหรับองค์กรที่ต้องการพาร์ทเนอร์ในการวางแผนพัฒนาบุคคล The Blacksmith และ L&D Consultant พร้อมให้คำปรึกษาและวาง road map การเรียนรู้ร่วมกับองค์กร เพื่อสร้างความมั่นใจว่าได้ออกแบบการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้พนักงานและองค์กรได้อย่างแท้จริง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://business.theblacksmith.io
ที่มา: ไออาร์ พลัส