สำหรับการหารือในวันนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเกษตรและอาหารที่ประเทศไทยมีศักยภาพให้แก่ประเทศอื่น ๆ โดยจำเป็นต้องร่วมมือด้านวิชาการและเทคโนโลยีกับ FAO ในหลาย ๆ เรื่อง และสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนแก่เกษตรกรรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพ นอกจากนี้ยังได้กล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นความสำคัญของผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภาคเกษตร จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานในระดับนานาชาติ ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย และการพัฒนา รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ กับองค์กรระหว่างประเทศ และประเทศอื่น ๆ ในการฝ่าวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนในอนาคต
ในส่วนของฝ่ายองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้แสดงความชื่นชมถึงการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของ FAO เป็นเวลากว่า 70 ปี และขอบคุณที่ให้การสนับสนุนสำนักงาน FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และพร้อมจะสนับสนุนประเทศไทยในการถ่ายถอดความรู้และประสบการณ์ที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะในด้านดินและน้ำ ซึ่งสืบเนื่องจากพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยจะมีข้อริเริ่มจัดการประชุมนานาชาติด้านดินและน้ำในประเทศไทย ในฐานะที่ไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงาน FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
ที่มา: สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์