คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า "บริษัทฯ มีเป้าหมายความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสหประชาชาติ คือ เป้าหมายที่ 12 Responsible Consumption and Production: สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 13 Climate Action: ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และเป้าหมายสูงสุดคือ การมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 จากความมุ่งมั่นดังกล่าวบริษัทฯ จึงปรับตัวและพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า
สำหรับในปี 2566 มีเอส แอนด์ พี เริ่มใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าในเดือนธันวาคม เพื่อขนส่งวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์S&P จากคลังสินค้ากระจายไปยังหน้าร้าน S&P สำหรับรถไฟฟ้า 1 คัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงปีละประมาณ 20 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าการเพิ่มรถบรรทุกพลังงานสะอาด อีก 4 คัน ในปี 2567 เพื่อครอบคลุมระยะทางขนส่งสายหลัก และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงด้วย
พร้อมกันนี้ ศูนย์กระจายสินค้าS&P ยังได้ติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 594 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 785,712 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 390 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ได้ถึง 12,104 ต้น
นอกจากบริษัทฯ ดำเนินโครงการติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ ณ ศูนย์กระจายสินค้าเอส แอนด์ พี แล้ว ยังได้ติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ ณ โรงงานผลิตเบกอรี่และอาหาร อีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานผลิตเบเกอรี่บางนา-ตราด กม.23.5 (เฟส3) โรงงานผลิตเบเกอรี่ลำพูน และ โรงงานผลิตอาหารลาดกระบัง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งสิ้น 2,285,531.60 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1,092 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ได้ถึง 33,980 ต้น"
S&P ขอเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์
ที่มา: เอส แอนด์ พี ซินดิเคท