ดร.ทวีลาภ ได้รายงานต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ถึงภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งด้านเงินฝากและสินเชื่อในพื้นที่อันดามันครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และสตูล ที่สามารถเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องมุสลิม ตลอดจนผลการดำเนินโครงการชุมชนซื่อสัตย์ที่ธนาคารเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งเป็นสินเชื่อระดับนาโนไฟแนนซ์ หรือกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล ที่ใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงประชาชนที่มีความใกล้ชิด และรู้ซึ้งถึงวินัยทางการเงินของชุมชนเป็นอย่างดีในการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มรากฐานของประเทศภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โดย ณ 31 ธันวาคม 2566 มีมัสยิดทั่วประเทศที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อทั้งสิ้น 643 มัสยิด เป็นจำนวนเงิน 349.5 ล้านบาท เบิกใช้ 549 มัสยิด เป็นเงิน 237 ล้านบาท สัปปุรุษเบิกใช้ รวม 22,962 คน สำหรับในพื้นที่จังหวัดระนอง มีมัสยิดที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ 9 มัสยิด เป็นจำนวนเงิน 5.1 ล้านบาท และเบิกใช้เป็นเงิน 4.27 ล้านบาท สัปปุรุษเบิกใช้ รวม 427 คน ส่วนใหญ่เป็นการนำเงินไปใช้เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพร้อยละ 63 อุปโภคบริโภคอีกร้อยละ 32 และนำไปปิดหนี้นอกระบบราวร้อยละ 5 ซึ่งวันนี้มีตัวแทนโครงการชุมชนซื่อสัตย์จาก 5 มัสยิดเข้าร่วมต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วย
นอกจากนี้ไอแบงก์ยังได้มอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ลูกค้าจำนวน 1 ราย ที่มีคุณสมบัติในการได้รับความช่วยเหลือบรรเทาปัญหาหนี้สินที่มีผลพวงมาจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี จ่ายเฉพาะส่วนของกำไร โดยส่วนของกำไรที่จ่ายสามารถนำไปแบ่งตัดเงินต้นได้ร้อยละ 40 อีกด้วย ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ในระยะที่การหารายได้ยังไม่กลับมาปกติ ในการนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังให้เกียรติเป็นสักขีพยาน
จากนั้น รมช.คลัง ยังได้ลงมาพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง เปิดรับฟังปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไข และเปิดเผยว่า โครงการชุมชนซื่อสัตย์ เป็นโครงการที่ดีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาทางการเงินในระดับชุมชนที่ยากในการเข้าถึงสถาบันการเงินให้มีโอกาสใช้สินเชื่อในอัตราที่รับได้ โดยใช้มัสยิดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวมุสลิม และหวังให้ไอแบงก์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ต่อยอดโครงการนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องอย่างยั่งยืนต่อไป รมช.คลัง ทิ้งท้าย
ที่มา: ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย