ทั้งนี้ ปตท. มีเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน โดยผลักดันการดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จตามกลยุทธ์ขององค์กร ทั้งในด้าน Business, Growth New Growth และ Clean Growth มุ่งพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน โดยในปี 2566 มีการลงทุนก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกบางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โครงการท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 5 โครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 การขยายการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่และให้บริการเช่าใช้รถ EV ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม กว่า 1,000 คัน พร้อมขยายสถานีอัดประจุ EVครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 400 หัวจ่าย ตลอดจนลงทุนในกลุ่มธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ ทั้งการจัดตั้งโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจร พร้อมเดินสายการผลิตเชิงพาณิชย์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์อินโนบิก อีกทั้งในปีที่ผ่านมา ปตท. ได้เริ่มต้นโครงการปลูกป่าอีก 1 ล้านไร่ โดยปลูกไปแล้วกว่า 86,173 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพลิกฟื้นผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์ ตั้งเป้าบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี ค.ศ. 2050
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังติดอันดับเป็นสมาชิก DJSI และ S&P Global Sustainability Yearbook 2024 อย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
ที่มา: PTT