นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การบริหารจัดการภายในองค์กรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานภารกิจขององค์กรบรรลุเป้าหมายได้ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร ในการบ่งชี้เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบที่มีต่อองค์กร เพื่อที่องค์กรจะได้เตรียมพร้อมในการรองรับในการจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่รับได้ และด้วย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 79 ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหารจัดการความเสี่ยง ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กร สปสช.
ดังนั้น เมื่อวันที่ 22-23 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา สปสช. ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2567" ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปสช. เข้าร่วมประชุมเกือบ 100 คน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ผลที่ได้จากการประชุมฯ ครั้งนี้ ทำให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปสช. ได้เพิ่มเติมความรู้และความเข้าใจในการบริหารจัดการความเสี่ยงตามกรอบงานการบริหารความเสี่ยงและสามารถนำไปปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2562 และยังได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นและประเมินความเสี่ยง พร้อมกับการหารือในแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงที่นำไปสู่การจัดทำแผนบริการจัดการความเสี่ยงของสำนักงานฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"การประชุมครั้งนี้ ทำให้ สปสช. มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กร ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 นี้ ที่มาจากการมีส่วนร่วมจากผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องทุกระดับขององค์กร ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สำนักงานฯ สามารถดำเนินงานต่างๆ ได้บรรลุเป้าหมายได้ ตามยุทธศาสตร์ของ สปสช. ในการขับเคลื่อนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงนโยบายต่างๆ จากรัฐบาล" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ในการประชุมครั้งนี้ยังมีหัวข้อการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปี 2567 รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจและการปฏิบัติได้อย่างถูกต้องในประเด็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม ตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่เป็นการตอกย้ำและเสริมความเข้มแข็งด้านคุณธรรม จริยธรรมให้กับองค์กรและบุคลากรในองค์กร ซึ่งในปีที่ผ่านมา สปสช.ได้มีการร่วมประกาศเจตนารมณ์เพื่อร่วมต่อต้านการทุจริต กิจกรรรมการสร้างวัฒนธรรมและประพฤติสุจริต การประกาศไม่รับสินบน การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม และการงดรับของขวัญในทุกเทศกาล เป็นต้น
"สิ่งเหล่านี้เป็นหลักพื้นฐานสำคัญของทุกๆ องค์กร ทุกๆ หน่วยงาน ไม่แต่ สปสช. เท่านั้น โดยเป็นรากฐานทำให้องค์กรมีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคง ส่งผลให้การดำเนินงานภารกิจต่างๆ บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นที่ยอมรับจากประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ สปสช. ได้พิสูจน์แล้ว และในปี 2567 นี้ จะเป็นอีกปีหนึ่งที่ สปสช. ก้าวเดินอย่างก้าวหน้าด้วยการดำเนินการตามหลักพื้นฐานนี้" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
ที่มา: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ