ในปี 2567 นี้ ธุรกิจต่างๆ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation (DX) เพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืน การคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีของฟูจิตสึในปี 2567 นี้ เป็นเหมือนโรดแมปให้กับองค์กรที่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ควบคู่กับความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนให้เป็นผลในทางปฏิบัติ การคาดการณ์นี้จะเป็นแนวทางให้ธุรกิจต่างๆ สามารถนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยสร้างกลยุทธ์ที่ต่างไปจากเดิม เพื่อการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลอย่างยั่งยืนในอนาคต
ควอนตัมคอมพิวเตอร์และ AI: เทคโนโลยีเกื้อหนุน
ฟูจิตสึคาดว่าการผสมผสานของควอนตัมคอมพิวเตอร์และ AI จะถึงจุดสูงสุดในปี 2567 นี้ และคาดว่าการรวมตัวกันของเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นำไปสู่ความก้าวหน้าในสาขาต่างๆ เช่น ด้านเภสัชกรรม และบริการทางการเงิน ซึ่งสำหรับธุรกิจต่างๆ หมายความว่าการลงทุนใน AI สามารถจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพงานของควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ การตอบรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นกุญแจสำคัญของบริษัทต่างๆ ที่ต้องการปลดล็อกไปสู่ระดับใหม่ของประสิทธิภาพและนวัตกรรม
ในขณะที่เราหาทางใช้อัลกอริธึม AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการจัดการคิวบิต อาจนำไปสู่การทำงานของควอนตัมที่เสถียรมากขึ้น ซึ่งเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะช่วยให้เราเพิ่มจำนวนคิวบิตที่เชื่อถือได้ในระบบควอนตัมอย่างรวดเร็วเกินกว่า 100 คิวบิตที่เราสามารถทำได้ในปัจจุบัน
ฟูจิตสึกำลังทำงานร่วมกับสถาบันวิจัย RIKEN ของญี่ปุ่นบนภารกิจร่วมกันเพื่อเพิ่มการใช้เทคโนโลยีควอนตัมเป็น 1,000 คิวบิตด้วยการเพิ่มความสามารถทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เมื่อมองไปในอนาคต เรามองเห็นการบูรณาการแบบไร้รอยต่อของ AI ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ HPC ในแพลตฟอร์มไฮบริด ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านระหว่างการคำนวณควอนตัมและการคำนวณแบบดั่งเดิมจะเป็นไปได้ตามที่ต้องการ โดยปี 2567 นี้ จะเป็นปีแห่งความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวเตอร์
การทำให้ AI สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้าง
โมเดล AI ภาษาขนาดใหญ่อย่าง ChatGPT เป็นที่รู้จักและนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จนถึงขณะนี้ มีปัญหาการขาดแคลนและเกิดเป็นคอขวด ทำให้มีการจำกัดเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เฉพาะบริษัทที่ได้รับทุนสนับสนุนดีที่สุด เช่น OpenAI, Microsoft, Google และ Anthropic พร้อมทรัพยากรในการพัฒนาและการนำมาใช้งาน
การทำให้ AI สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างมีจุดมุ่งหมายเพื่อทลายอุปสรรคที่จำกัด AI ขั้นสูงไว้กับองค์กรขนาดใหญ่ การเกิดขึ้นของการขยายวงกว้างของแพลตฟอร์มบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเข้าถึงเทคโนโลยีที่เท่าเทียมมากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ แพลตฟอร์มอย่าง Kozuchi ของฟูจิตสึจะช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถปรับใช้โซลูชัน AI ได้อย่างรวดเร็ว องค์กรควรใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ในการบริการลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนการโต้ตอบส่วนบุคคลในวงกว้าง สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับธุรกิจ
AI เสริมประสิทธิภาพ Digital Twins เพื่อประโยชน์ทางสังคม
AI และ แบบจำลองเสมือนในโลกดิจิทัล หรือ Digital Twins จะเริ่มให้ข้อมูลด้านนโยบายทางสังคมและกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2567 นี้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ และแนวโน้มทางสังคม ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ Digital Twins สร้างแบบจำลองผลกระทบของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีต่อสังคม เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม เช่น การใช้ Digital Twins ในการวางผังเมือง สามารถช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความท้าทายทางสังคม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy
ฟูจิตสึคาดว่าจะเห็นความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านการคาดการณ์พฤติกรรมเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดี และตระหนักถึงสังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน การทดลองภาคสนามกำลังดำเนินการที่ญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการถูกหลอกทางโทรศัพท์ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเหยื่อ เทคโนโลยีจะประเมินว่าผู้คนถูกหลอกหรือไม่ โดยพิจารณาจากความผันผวนของความรู้สึกวิตกกังวลจากข้อมูลสำคัญ เช่น อัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจ การสร้างแบบจำลองทางสังคมที่ได้รับจาก AI สามารถปรับปรุงการคาดการณ์ของเราเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์และสังคม ตลอดจนเสริมประสิทธิภาพและปรับปรุงวิธีการทำงานบริการสังคม
การลดความซับซ้อนของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
ในปี 2567 นี้ ทัศนคติใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนจะกลายมาเป็นกระแสหลักที่อยู่ในความสนใจของผู้คน องค์กรธุรกิจต่างๆ ควรมีการจัดลำดับความสำคัญในการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์และการลดความซับซ้อน เพื่อลดความเสี่ยงในโลกดิจิทัลที่มีเพิ่มมากขึ้น การผลักดันไปสู่การลดความซับซ้อนในโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้น เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงสามารถให้การป้องกันที่แข็งแกร่งได้ บริษัทต่างๆ จึงควรตระหนักถึงความสำคัญในการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังต้องส่งเสริมความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่สามารถคาดเดาได้อีกด้วย
การนำ Private 5G มาใช้
การเติบโตของเครือข่าย Private 5G จะนำมาซึ่งการปฏิวัติด้านการเชื่อมต่อ ช่วยให้สามารถประมวลผลและควบคุมข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับระบบอัตโนมัติต่างๆ ได้ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยี Private 5G และ mmWave จะปฏิวัติหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านการใช้โดรน หุ่นยนต์ และยังอาจเป็นไปได้ สำหรับการผ่าตัดทางไกล โดยมีค่าความหน่วงเกือบเป็นศูนย์และปริมาณข้อมูลที่สูง ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ และการผลิตจึงได้รับประโยชน์ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐาน Private 5G สามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ขอบเขตใหม่ของประสิทธิภาพและการส่งมอบบริการได้
ภูมิทัศน์ของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และการคาดการณ์ทางเทคโนโลยีของฟูจิตสึในปี 2567 นี้ช่วยเสนอแนวทางที่สามารถเชื่อมโยงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความยั่งยืน ในขณะที่เราเตรียมพร้อมสำหรับปีนี้ องค์กรธุรกิจต่างๆ ควรเปลี่ยนจากการใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านดิจิทัลเพียงอย่างเดียว ไปสู่การฝังหลักการยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์หลักขององค์กร ควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง
ที่มา: แอบโซลูท พีอาร์