นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช. ได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" โดยเพิ่ม "หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่" หรือหน่วยบริการนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการให้กับประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้บริการได้ประกอบด้วย
- ร้านยาชุมชนอบอุ่น ดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ ปรึกษาเภสัชกรและรับยา
- คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น รับบริการทำแผล ล้างตา ล้างจมูก เปลี่ยนสายให้อาหาร ฉีดยาตามแผนการรักษาของแพทย์ ตรวจรักษาโรคเบื้องต้น 32 กลุ่มอาการ เช่น เป็นไข้ตัวร้อน ปวดศีรษะ ปวดท้อง เป็นต้น
- คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น ตรวจแล็บ 22 รายการตามใบสั่งตรวจจากแพทย์
- คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น บริการฟื้นฟูผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง สมองได้รับบาดเจ็บ กระดูกสะโพกหัก โดย รพ.ที่ให้การรักษาส่งตัวผู้ป่วยไปรับบริการที่คลินิกฯ
- คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟูลออไรด์
- คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น ให้บริการตรวจรักษาโรคแบบผู้ป่วยนอก
และ 7.คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น นวด ประคบ อบสมุนไพร เพื่อการรักษา
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองของหน่วยบริการนวัตกรรมข้างต้นนี้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการได้ สปสช. ได้มีการออกประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขสำหรับบริการด้านนวัตกรรมตามประเภทของหน่วยบริการนวัตกรรมที่เข้าร่วม
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า เดิมทีในส่วนของ ร้านยา คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น และคลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น สปสช. ได้ออกประกาศไว้แล้ว ซึ่งบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ใน 4 รายการนี้ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ประกาศใช้ในจังหวัดนำร่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 จึงได้มีการออกประกาศฯ ในส่วนของคลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น และคลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่นเพิ่มเติม ซึ่งทั้ง 3 รายการนี้ ให้บริการเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนำร่องก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้มีการเผยแพร่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 โดยจะมีผลย้อนหลังวันที่ 7 มกราคม 2567 ที่เป็นวันเริ่มต้นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชานใบเดียว
"สปสช. ขอแจ้งให้ทราบว่าบริการในหน่วยบริการนวัตกรรมทั้ง 7 ประเภทข้างต้นนี้ ขณะนี้ได้มีประกาศฯ รองรับการให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน่วยบริการนวัตกรรมที่อยู่ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี และนราธิวาส สามารถให้บริการประชาชนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวภายใต้สิทธิประโยชน์บริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้แล้ว
ขณะที่ประชาชนที่อยู่ในจังหวัด 4 นี้ ก็สามารถเข้ารับบริการตามความสะดวกได้ ไม่แต่เฉพาะด้านการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ที่ร้านยา คลินิกการพยาบาล และคลินิกเทคนิคการแพทย์ ตามสิทธิประโยชน์บริการของหน่วยบริการ ไม่ว่าจะเป็นบริการยาเม็ดคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และตรวจการตั้งครรภ์ เป็นต้น สำหรับประกาศฯ ที่ออกมานี้ ยังมีผลรองรับการขยายนโยบายไป 8 จังหวัดในเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงทั้งประเทศด้วย" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
ทั้งนี้ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2567 เผยแพร่ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย
- ประกาศ สปสช. เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสำหรับบริการนวัตกรรมด้านทันตกรรม พ.ศ. 2567
ดาวน์โหลดประกาศ : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/18276.pdf
- ประกาศ สปสช. เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสำหรับบริการนวัตกรรมด้านเวชกรรม พ.ศ. 2567 :
ดาวน์โหลดประกาศ : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/18277.pdf
- ประกาศ สปสช. เรื่อง การจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสำหรับบริการนวัตกรรมด้านการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2567
ดาวน์โหลดประกาศ : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/18278.pdf
ที่มา: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ