นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยการเคหะแห่งชาติ ขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด "การสร้างสังคมให้น่าอยู่" เริ่มตั้งแต่การก่อสร้างที่คำนึงถึงความยั่งยืน การออกแบบอาคารที่ลดการใช้พลังงาน การใช้วัสดุก่อสร้างหรือทรัพยากรที่เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติได้เน้นย้ำในเรื่องความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ในโครงการเคหะชุมชนฯ สุพรรณบุรี (อู่ยา 1) รวมถึงทุกโครงการที่อยู่อาศัย โดยเริ่มจากการคัดแยกขยะ ขยะเปียก ขยะรีไซเคิล หรือขยะพลาสติก ซึ่งทุกวันนี้ สามารถเปลี่ยนขยะให้เป็นเงินได้ เช่น การนำขยะมาทำเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงของตกแต่งบ้านต่าง ๆ ทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ด้วยการสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยเฉพาะการชักชวนให้ผู้สูงอายุได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ถือเป็นหัวใจหลักที่ทำให้สังคมมีคุณภาพ เพราะการดูแลผู้สูงวัยให้มีสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงถือเป็นเรื่องสำคัญ
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากการสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยแล้ว การเคหะแห่งชาติได้ให้ความห่วงใยและใส่ใจในคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยของชาวชุมชน ไม่เพียงแต่การสร้างมาตรฐานการก่อสร้างการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชุมชนนับเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเคหะแห่งชาติได้ให้ความใส่ใจดูแล เปิดโอกาสให้ชาวชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาชุมชนของตนเอง เพราะการพัฒนาชุมชนที่ดีและจะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของชาวชุมชน
นายทวีพงษ์ กล่าวว่า โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนเชิงสังคม จังหวัดสุพรรณบุรี (อู่ยา 1) ตั้งอยู่บริเวณหมู่ที่ 1 ถนนอู่ยา-ดอนเจดีย์ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยนำ SUNK COST ของโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสุพรรณบุรีมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยบนเนื้อที่ 25.48 ไร่ จำนวน 322 หน่วย แบ่งออกเป็น บ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 186 หน่วย ขนาด 21 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 54 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 828,000 บาท และทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น จำนวน 136 หน่วย ขนาด 16 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 55 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 692,000 บาท นอกจากนี้ ภายในโครงการฯ ยังมีโซนพิเศษสำหรับผู้สูงอายุอีกด้วย
สำหรับการออกแบบโครงการฯ ได้มีการนำเกณฑ์ประเมินโครงการชุมชนน่าอยู่น่าสบายอย่างยั่งยืน (ECO VILLAGE) และหลักเกณฑ์ในการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน (UNIVERSAL DESIGN) มาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบวางผังโครงการและออกแบบอาคาร ซึ่งตัวบ้านได้ออกแบบในลักษณะ Modern Style ตามสมัยนิยม โดยมีการออกแบบให้อาคารมีช่องเปิดอย่างน้อย 2 ด้าน เพื่อระบายถ่ายเทอากาศได้ดี และใช้วัสดุต่าง ๆ เพื่อการประหยัดพลังงาน เช่น การใช้ผนังอิฐมวลเบา การใส่ฉนวนกันความร้อนที่ฝ้าเพดาน และการใช้หลอดไฟ LED เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการเคหะชุมชนฯ สุพรรณบุรี (อู่ยา 1) ยังได้รับการการันตีบ้านเบอร์ 5 จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อีกด้วย
นอกจากนี้โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนเชิงสังคม จังหวัดสุพรรณบุรี (อู่ยา 1) ยังมีบ้านว่าง จำนวน 133 หน่วย หากท่านใดสนใจโครงการฯ สามารถ Walk-in เข้ามาชมบ้านตัวอย่างและสามารถจองได้กับเจ้าหน้าที่ณ ที่ตั้งโครงการ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1615 โทรศัพท์ 09 1047 1263 หรือ Facebook Fanpage : NHA Marketing และติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ของการเคหะแห่งชาติได้ที่ Facebook Fanpage : การเคหะแห่งชาติ YouTube : การเคหะแห่งชาติ channel และ Tiktok : @nhathailand.
ที่มา: พีเอ็มพี