นายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (I2) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของในปี 2567 ยังคงดำเนินงานตาม Solution ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน ESG การใช้พลังงานหมุนเวียน การประหยัดพลังงาน การลดก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงการสรรหาลูกค้าใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง และบริษัทฯมีแผนในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้าน ESG และด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
"ในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้แตะระดับ 1,500 ล้านบาท เติบโต 20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยการเติบโตมาจากธุรกิจด้านประหยัดพลังงาน (Energy) และมีแผนร่วมประมูลงานใหม่ในปีนี้ มูลค่าประมาณ 6,455 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเติบโตก้าวกระโดด"
สำหรับธุรกิจด้านไอทีและเทคโนโลยีไทย (IT&T) ในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตดี จาก Digital Transformation ส่งผลให้บริษัทต่างๆ และภาครัฐ ต่างหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต และประสบการณ์ลูกค้า
นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงส่งเสริมพัฒนาภาค IT&T อย่างแข็งขัน ผ่าน Thailand 4.0 และแผนพัฒนา EEC ด้านดิจิทัล อินเทอร์เน็ตเข้าถึงประชาชน ทำให้อัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น และการรับ-จ่ายเงินด้วยดิจิทัล สร้างตลาดใหญ่ขึ้นสำหรับสินค้าและบริการไอที
ขณะเดียวกันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตอย่างร้อนแรง จากแรงขับเคลื่อนจากความนิยมช้อปปิ้งออนไลน์ ความสะดวกของแพลตฟอร์มออนไลน์ สร้างความต้องการโซลูชั่นไอที เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง วิเคราะห์ข้อมูล ระบบรักษาความปลอดภัย มากยิ่งขึ้น
โดยธุรกิจไอทีและเทคโนโลยี ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านการสนับสนุนของภาครัฐ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชน ถือเป็นโอกาสของธุรกิจคลาวด์ ธุรกิจความปลอดภัยไซเบอร์ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูล และ AI ซึ่งปัจจุบันบริษัทเอกชน และภาครัฐ หันมาใช้ข้อมูล AI เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจ และลูกค้ามากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทฯในการเข้ารุกธุรกิจ และมีโอกาสการได้รับงานมากขึ้น จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านไอทีมาเป็นเวลายาวนาน
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 ของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในปีที่ผ่านมาได้รับงานโครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท
ที่มา: ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์