นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT ผู้เชี่ยวชาญด้าน Infratech ส่วนงานโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ การให้บริการด้านเทคโนโลยีครบวงจรแก่องค์กรชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 15 ก.พ. นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ที่มีโอกาสเติบโตทั้งด้านฐานะการเงิน และ ผลการดำเนินงาน รวมถึงมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมากกว่า 20 ปี
ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาเป็นเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการให้บริการ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือ และ สร้างการเติบโตยั่งยืนตามแผนที่บริษัทได้วางไว้
"บริษัทมุ่งมั่นนำเสนอโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ดีที่สุด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ทุกองค์กรมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทั่วโลก ซึ่งจะสามารถผลักดันให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง รักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้" นายสุธี กล่าว
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า เชื่อว่า NAT จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากจุดเด่นในการนำเสนอโซลูชันด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังมีความพร้อมในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับปัจจัยด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทยังพื้นฐานทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรทุกปี
"เชื่อว่านักลงทุนจะให้การตอบรับหุ้น NAT เป็นอย่างดี ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนได้จองซื้อหุ้นครบทั้งจำนวน 92 ล้านหุ้น เนื่องจากราคาเสนอขายเหมาะสมสอดคล้องกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็ง จากความสามารถในการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดีมาโดยตลอด
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด และ มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต" นายสมศักดิ์ กล่าว
ที่มา: เวิร์คลิ้งค์ พับบลิครีเลชั่นส์