รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยตระหนักถึงการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์กับคุณภาพชีวิตและการศึกษาเพิ่มมากขึ้น มีการยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง และมีการบริโภคอาหารปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอาหารในกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเกษตรอินทรีย์ได้ถูกกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกภาคส่วนร่วมปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตที่พึ่งพาการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี มาเป็นการพึ่งตนเองในการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สารอินทรีย์ทดแทนเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุกมิติ ทั้งมิติของอาหารปลอดภัย ความปลอดภัยของเกษตรกร การประหยัดค่าใช้จ่าย การฟื้นฟูนิเวศของดินและทรัพยากรธรรมชาติ และการสำนึกต่อผู้บริโภคด้านความปลอดภัย เพื่อลดการบริโภคและลดอัตราการเจ็บป่วยที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีสารพิษ ทั้งนี้ปัญหาหลักคือ กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตรอย่างทั่วถึง และยังไม่ได้รับการประเมินแปลงเกษตรอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ไม่สามารถต่อยอดไปสู่การได้รับการตรวจประเมินรับรองมาตรฐานทางการเกษตรและเกษตรอินทรีย์ได้
"... วว. ขอขอบคุณ วช. ที่ได้สนับสนุนทุนดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการถ่ายทอดและจัดการความรู้ การมีส่วนร่วมและการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ให้มีศักยภาพในการส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตรของตนเองและชุมชน เป็นการพึ่งพาตนเอง ทั้งยังช่วยสร้างอาชีพและรายได้ ตลอดจนส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานทางการเกษตรของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป ..." ดร.จิตรา ชัยวิมล กล่าวในช่วงท้าย
ดูข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.tistr.or.th/PressCenter/news/10491/
ที่มา: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย