บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ("STA" หรือ "บริษัทฯ) คาดผลการดำเนินงานปี 2567 ฟื้นตัว รับดีมานด์กลุ่มประเทศนอนไชน่าเริ่มกลับมา ด้านปริมาณขายในไตรมาส 4/2566 ปรับเพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจยางและถุงมือยาง หนุนรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 21,709.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.6% เตรียมจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม ด้วยอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 18 เมษายนนี้ พร้อมเพิ่มสต๊อกยางรับเป้าหมายปริมาณการขาย 1.5 ล้านตันในปีนี้ เติบโต 15%
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากราคายางธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี จากดีมานด์ในอเมริกาและยุโรปเริ่มฟื้นตัว โดยราคาเฉลี่ยยางแท่ง TSR 20 ณ ตลาด SICOM ในเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ 152.7 เซนต์ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 5% จากราคาเฉลี่ย 145.4 เซนต์ต่อกิโลกรัมในเดือนธันวาคม ประกอบกับสถานการณ์อุปทานที่ดีขึ้นจากผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากเอลนีโญซึ่งทำให้ฤดูกาลเปิดกรีดล่าช้ากว่าปกติ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมการจัดการด้านวัตถุดิบเพื่อรองรับเป้าปริมาณการขายยางที่ 1.5 ล้านตัน หรือเติบโต 15% จากปีก่อน
นายวีรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากลูกค้าในยุโรปที่มีความต้องการใช้ยางภายใต้ข้อกำหนดตามกฎหมาย EUDR ซึ่งจะต้องมาจากพื้นที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมรองรับการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยาง ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม "Sri Trang Friends" หรือแอปพลิเคชันศรีตรังเพื่อนชาวสวน ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลผลิตยาง เพื่อให้ความมั่นใจแก่คู่ค้าและเป็นไปตามข้อกำหนดของ EUDR ที่จะเริ่มบังคับใช้ต้นปีหน้า โดย EUDR ถือเป็นอีกปัจจัยบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้
สำหรับผลประกอบการในปี 2566 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 84,244.9 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงปีก่อน และมีผลขาดทุนสุทธิเนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งจากเอลนีโญส่งผลกระทบต่อปริมาณและต้นทุนวัตถุดิบยาง รวมถึงปัจจัยกดดันด้านราคาขายถุงมือยางจากภาพรวมอุตสาหกรรมถุงมือที่ยังคงอยู่ระหว่างปรับเข้าสู่จุดสมดุล
ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งสุทธิจากผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบบัญชีปัจจุบัน เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นี้
ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย