TCC ลุยธุรกิจใหม่ "บริหารสินทรัพย์-อสังหาฯ" สร้าง New S-Curve ไฟเขียวจ่ายคืนหุ้นกู้ 200 ลบ. พร้อมออกหุ้นกู้ชุดใหม่อัตราดอกเบี้ยน่าสนใจ ผ่าน 2 สถาบันการเงินชั้นนำ

จันทร์ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๑๓:๕๕
บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) ประกาศวิสัยทัศน์ปี 67 ลุยต่อยอดธุรกิจใหม่ สร้าง New S-Curve เน้นสร้างฐานกำไรให้เติบโตมั่นคงและมีเสถียรภาพ ด้านสองแม่ทัพ "กิตติศักดิ์ ชัยวิกรัย" "บุญอนันต์ ศรีขาว" ประกาศเปิดฉากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เข้าซื้อหนี้ NPL มาบริหารและต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เตรียมร่วมทุน JV กับบริษัทในกลุ่มบริทาเนีย มองโอกาสการเติบโตทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth ขณะที่ ธุรกิจหลักด้านพลังงานแปรรูปและค้าปลีกถ่านหินที่มีคุณภาพ ยังคงเดินหน้ารับดีมานด์ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ด้านผู้บริหาร ย้ำ TCC ฐานทุนแข็งแกร่งสุดๆ เตรียมควักกระเป๋า 200 ลบ. จ่ายคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ พร้อมกับ ประกาศออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2567 ชูอัตราดอกเบี้ย 7.25% เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจใหม่ตามเจตนารมณ์ที่วางไว้
TCC ลุยธุรกิจใหม่ บริหารสินทรัพย์-อสังหาฯ สร้าง New S-Curve ไฟเขียวจ่ายคืนหุ้นกู้ 200 ลบ. พร้อมออกหุ้นกู้ชุดใหม่อัตราดอกเบี้ยน่าสนใจ ผ่าน 2 สถาบันการเงินชั้นนำ

นายกิตติศักดิ์ ชัยวิกรัย รองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ผู้ประกอบธุรกิจด้านการลงทุนและการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตให้แก่กลุ่มบริษัทในระยะยาว ปัจจุบัน TCC ลงทุนในธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ในฐานะหนึ่งในบริษัทชั้นนำของประเทศในการประกอบธุรกิจการแปรรูปและค้าปลีกถ่านหินที่มีคุณภาพ รวมทั้ง ต่อยอดมายังธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ภายใต้บริษัทย่อย บริหารสินทรัพย์ ทีซีซี จำกัด และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ บริษัท ชัย แอสเซท จำกัด

โดย TCC ประกาศแผนปี 2567 เดินหน้าต่อยอดธุรกิจใหม่เต็มกำลัง รับสถานการณ์เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว โดยธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ซึ่งเพิ่งดำเนินธุรกิจเต็มตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา ได้เริ่มเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นประเภทหนี้สินที่มีหลักประกัน โดยมียอดเงินลงทุนซื้อหนี้ในปัจจุบันอยู่ที่ 128.4 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อเดินหน้าสร้างโอกาสการเติบโต เพิ่มกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง และมองว่าจะเป็นธุรกิจที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ TCC ในอนาคต
ขณะที่ TCC เล็งเห็นโอกาสการต่อยอดไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากบริษัทมีที่ดินซึ่งมีเนื้อที่รวมประมาณ 106 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเดิมจะนำมาใช้ดำเนินธุรกิจตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรแนวใหม่ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งผลิตผลทางการเกษตรและผลิตผลทางการเกษตรแปรรูปแบบครบวงจร แต่สืบเนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 บริษัทได้มีโอกาสทบทวนแผนการพัฒนาโครงการตลาดฯ และเห็นควรให้ชะลอการพัฒนาโครงการตลาดฯ และพิจารณาการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เพิ่มเติม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ จากการพิจารณาโอกาสทางธุรกิจที่ได้รับข้อเสนอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจำหน่ายที่ดินบางส่วนของ บริษัท ชัย แอสเซท จำกัด บริษัทย่อย ให้แก่บริษัทร่วมทุน (JV) สองบริษัท ซึ่งจัดตั้งโดย บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) (BRI) ผู้ประกอบธุรกิจที่มีประสบการณ์การพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทหมู่บ้านจัดสรร และบริษัท ชัย แอสเซท จำกัด ได้วางแผนนำเงินบางส่วนจากการจำหน่ายที่ดิน เข้าร่วมลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญและเพิ่มทุนใน JV ดังกล่าว รวมเป็นเงินประมาณ 140 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าโครงการของ ทั้งสอง JV อยู่ที่ประมาณ 2.4 พันล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาสินเชื่อโดย BRI ซึ่ง TCC มองโอกาสครั้งนี้ว่าจะเป็นการปูทางเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ TCC และจะเป็นการสร้างฐานกำไรที่ดีนอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการร่วมลงทุน (JV) ตามแผนงานที่วางไว้

"หลังจาก TCC ได้ทรานสฟอร์มองค์กรสู่การเป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมพานีในปี 2559 และได้วางแผนรุกธุรกิจใหม่ ต่อยอดการเติบโตและสร้างความมั่นคงของผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะกำไรที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ ซึ่งวันนี้ เรามองว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่ TCC จะเปิดเกมบุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติมแบบเต็มกำลัง เพื่อเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของเรา ทั้งธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เราจับมือไปกับพันธมิตร สำหรับธุรกิจถ่านหิน มุ่งเน้นทำการตลาด และขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศและกลุ่ม CLMV โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า, โรงงานอุตสาหกรรมกระดาษ, อุตสาหกรรมอาหาร และ กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ก็มองว่ายังเป็นธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับดีมานด์ถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทจะขยับขยายการลงทุนเพิ่มเติมในพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการทำธุรกิจควบคู่กับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม" นายกิตติศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายบุญอนันต์ ศรีขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC กล่าวเสริมถึง "ในด้านฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง TCC ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและบริหารจัดการทางการเงินเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน รวมทั้งการจัดสรรเงินทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการเตรียมความพร้อมเพื่อชำระหุ้นกู้ตามกำหนด โดยไตรมาสแรกของปี 2567 บริษัทมีหุ้นกู้ครบกำหนดจำนวน 1 ชุด มูลค่า 200 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ซึ่งบริษัทได้จัดเตรียมเงินสดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นการชำระคืนก่อนออกขายหุ้นกู้รอบใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเงินของบริษัท"

นอกจากนี้ ล่าสุด บริษัทมีกำหนดการออกหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 1/2567 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคาดว่าอยู่ในช่วง 7.25% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจของบริษัท โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ คือ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และนายทะเบียนหุ้นกู้ คือ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ TCC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร 02-351-1800

หมายเหตุ : บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับการจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

คำเตือน : โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง

ที่มา: ไออาร์ พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version