"คุรุสภา" เร่งเดินเครื่องนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" พร้อมใช้อิเล็กทรอนิกส์อำนวยความสะดวก ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา

อังคาร ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ ๑๒:๔๓
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภามีการดำเนินการตามนโยบาย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ "เรียนดี มีความสุข" ที่มุ่งเน้นการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ได้รับบริการด้วยความสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษามีจิตวิญญาณความเป็นครู มีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนตามนโยบายการบริหารงานของคณะกรรมการคุรุสภา ปีงบประมาณ 2567 ที่เน้น 5 นโยบายที่สำคัญ คือนโยบายที่ 1 พัฒนาระบบห้องเรียนเสมือนจริงสำหรับฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู นโยบายที่ 2 สร้างครูต้นแบบด้านพฤติกรรมตามจรรยาบรรณวิชาชีพ และการพัฒนาศักยภาพตามพหุปัญญา นโยบายที่ 3 พัฒนาการเรียนรู้สำหรับวิถีชีวิตครูในศตวรรษที่ 21 นโยบายที่ 4 ยกระดับการให้บริการงานตามภารกิจของคุรุสภาสู่ความเป็นเลิศ และนโยบายที่ 5 'คุรุสภา' สภาของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อสังคมและวิชาชีพทางการศึกษา รวมทั้งจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เพราะคุรุสภามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานและการให้บริการที่เป็นเลิศให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพครู ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อประโยชน์ของวิชาชีพทางการศึกษาและสังคมต่อไป
คุรุสภา เร่งเดินเครื่องนโยบาย เรียนดี มีความสุข พร้อมใช้อิเล็กทรอนิกส์อำนวยความสะดวก ทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา

ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่ผ่านมาคุรุสภาได้ดำเนินงานสนองนโยบาย รมว.ศธ.ไปหลายส่วนแล้ว ทั้งนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ที่คุรุสภามีกระบวนการผลิตครูคุณภาพ โดยเน้นการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถใช้คุณวุฒิจากปริญญาหรือประกาศนียบัตรที่คุรุสภารับรอง และสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้แก่ผู้รับบริการและสังคม โดยในปี 2566 ได้ให้การรับรองหลักปริญญา รวมจำนวน 283 หลักสูตร ผ่านระบบ KSP Bundit ขณะเดียวกันได้ลดภาระงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เตรียมเข้าสู่วิชาชีพด้วยการจัดการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ซึ่งเป็นกระบวนการคัดกรองผู้เข้าสู่วิชาชีพครู หรือผู้ประกอบวิชาชีพ ที่มีความประสงค์ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น (B-License) โดยได้ดำเนินการจัดการทดสอบ รายวิชาครู ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Testing) และระบบกระดาษ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้ารับการทดสอบให้เข้าถึงการทดสอบได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดการทดสอบมาแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 8 รอบ ใน 16 ศูนย์สอบครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีผู้เข้าทดสอบทั้งประเทศ จำนวน 59,679 คน

เลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้คุรุสภาช่วยลดภาระงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการเปิดให้บริการใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา โดยให้บริการในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมามีการพัฒนาการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วมากขึ้น มีการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาระหว่างหน่วยงานผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ (Linkage Center) เช่น การขอใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียน ประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน เป็นต้น โดยใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและเพื่อเป็นปัจจุบัน รวมถึงการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีผ่านบริการ Web Service กับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผ่านระบบ KSP Self-service และ KSP School และมีรูปแบบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถพิมพ์ใบอนุญาตฯ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากของการต่อและขอใบอนุญาตฯ ได้ โดยในปี 2566 มีผู้ขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน 77,322 ราย มีผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน 93,489 ราย และมีผู้ขอหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จำนวน 26,965 ราย สำหรับการขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ของผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันผลิตครูที่คุรุสภารับรองปริญญา มีผู้ที่ขอขึ้นทะเบียนใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ครู (P-License) จำนวน 21,183 คน ผู้ที่ขอขึ้นทะเบียนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น (B-License) จำนวน 41,765 ราย ซึ่งผู้รับบริการและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลปริญญาที่คุรุสภารับรองและข้อมูลจำนวนผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแยกตามประเภทและสังกัด ได้ทางแดชบอร์ด (Dashboard) ที่นำเสนอในเว็บไซต์ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวว่า คุรุสภายังมีบทบาทในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นการพัฒนาวิชาชีพ สร้างครูดีสอนดี ศิษย์ดีเรียนดี ด้วยการอบรมหลักสูตรมาตรฐานความรู้วิชาชีพครู สำหรับผู้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมเป็นการชั่วคราว (KSP 7 Module) ทั้งครูชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีอยู่ในระบบกว่า 50,000 คน ได้เข้าสู่กระบวนการพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพครู ด้วยการเปิดให้ลงทะเบียนและเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา Anywhere Anytime พร้อม เป็นการอบรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ https://ksp-7module.one.th/ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถรองรับผู้เข้ารับการอบรมได้เป็นจำนวนมาก สำหรับงานบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา โดยเปิดให้มีการพัฒนาความรู้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านระบบKSP Knowledge Management และเว็บไซต์ของคุรุสภา รวมถึงการยกย่องและผดุงเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ขณะเดียวกันคุรุสภาได้ดำเนินการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลต่างๆ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาอื่น โดยดำเนินการคัดเลือกผู้สมควรได้รับรางวัลต่าง ๆ จำนวน 6 รางวัล และผลงานวิจัยและนวัตกรรมทางการศึกษา ซึ่งสามารถส่งผลงานผ่านระบบ KSP Self-service หรือ KSP School เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มีความยืดหยุ่นในด้านระยะเวลา มีความสะดวก และลดข้อจำกัดต่าง ๆ ของผู้เข้ารับการอบรมและส่งผลงาน สามารถเข้าใช้ได้ทุกอุปกรณ์

"สำหรับการดำเนินงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้นำเทคโนโลยีให้เข้ามามีบทบาทกับงานของคุรุสภามากขึ้น ได้มีการใช้ระบบ Virtual Private Network (VPN) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สามารถปฏิบัติงานจากที่บ้านได้ จัดให้หน่วยงานระดับจังหวัดช่วยกรองงานเรื่องการขอและต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูก่อนส่งต่อให้คุรุสภาอนุมัติ โดยทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างราบรื่น ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดการใช้กระดาษ ใช้ระบบการประชุมออนไลน์ (Online) ผ่านระบบแอปพลิเคชัน Zoom Cloud Meetings และระบบ e-Meeting เพื่อประสิทธิภาพในการประชุม รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล จัดส่งบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ารับการอบรมกับหน่วยงานภายนอกและการอบรมในรูปแบบออนไลน์ รวมทั้งมีการจัดอบรมการใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเบื้องต้น และการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย" ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าว.

ที่มา: เอยู คอมมิวนิเคชั่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ