Mr. Alex Haigh, Managing Director - Asia Pacific of Brand Finance กล่าวว่า อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของไทยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เผชิญกับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ กฎเกณฑ์และข้อบังคับในด้านต่าง ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยน รวมถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ปตท. ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง โดยได้รับการประเมินอยู่ที่ 82 คะแนนจาก100 คะแนน อีกทั้งมูลค่าแบรนด์ยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 หรือสูงถึง 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ดีของ ปตท. จากการนำกลยุทธ์มาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ การลงทุนในธุรกิจด้านดิจิทัล และการพัฒนาธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปตท. ภาคภูมิใจในฐานะบริษัทของไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ติดอันดับในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนองค์กรที่แข็งแกร่งในทุกมิติทัดเทียมแบรนด์ในระดับสากล ทั้งในด้านการดำเนินกลยุทธ์สู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและขยายสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน พร้อมไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ได้ดำเนินมาต่อเนื่องตลอด 45 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง ปตท. ยังคงเดินหน้าจุดพลังชีวิต ขับเคลื่อนอนาคต สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ปตท. ยังติดอันดับที่ 4 ของแบรนด์อันทรงคุณค่า 300 แบรนด์ในอาเซียนในปี 2566 จากผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่ง คุณค่าของแบรนด์ และกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยการจัดอันดับในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านพลังงานของอาเซียน ที่ได้สรรค์สร้างนวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับภูมิภาคอาเซียน
ที่มา: ปตท.