นอกจากนั้น ยังได้เร่งปรับปรุงกายภาพทางข้ามม้าลายให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยทาสีตีเส้นจราจรให้ชัดเจน กำหนดโซนจำกัดความเร็วในการขับขี่ รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรผิด (CCTV) พร้อมระบบ AI เฝ้าดูพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกทางแยกและทางข้าม เพื่อป้องปรามและจับปรับผู้กระทำผิดทั้งการไม่หยุดชะลอรถให้คนข้ามถนน การจอดล้ำเส้นหยุดรถ การจอดรถกีดขวาง การขับขี่ฝ่าไฟแดง การขับขี่รถย้อนศร การขับขี่รถบนทางเท้า และการกลับรถในที่ห้ามกลับรถ หากผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดเป็นผู้ให้บริการส่งอาหาร-ส่งของ (ไรเดอร์) หรือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง สจส.จะจัดส่งภาพให้ต้นสังกัดพิจารณาปรับปรุงการทำงาน ปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ของสมาชิกให้ปลอดภัยและมีจิตสำนึกที่ดีขึ้น
นายสุรเดช อำนวยสาร รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) รักษาราชการแทนอำนวยการสำนักเทศกิจ กทม.กล่าวว่า การจอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางม้าลายเป็นความผิดตามกฎหมายจราจรซึ่งการบังคับการตามกฎหมายเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) มักกะสัน เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตห้วยขวางประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีผู้จอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางม้าลายบริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี รวมถึงประสาน สน.มักกะสันเพิ่มความเข้มงวดกวดขันวินัยจราจรและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่วนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการนำเทคโนโลยีมาช่วยจับ-ปรับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร และกฎหมายอื่น ๆ เบื้องต้นได้นำร่องในความผิดฐานจอด หรือขับขี่รถบนทางเท้า ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย.66-23 ก.พ.67 ตรวจพบผู้กระทำผิด 61,633 ราย ออกหนังสือเชิญมาให้ถ้อยคำ 7,940 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 214 ราย เปรียบเทียบปรับ 340 ราย เป็นเงิน 258,300 บาท ซึ่ง สนท.ได้เร่งรัดให้สำนักงานเขตที่ติดตั้งกล้องระบบ AI ออกหนังสือเชิญเจ้าของรถมาให้ถ้อยคำให้ครบทุกรายโดยเร็ว
นายไฑูรย์ งามมุข ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง กทม.กล่าวว่า การจอด หรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางม้าลายเป็นความผิดตามกฎหมายจราจร ซึ่งการบังคับการตามกฎหมายเป็นของเจ้าพนักงานจราจร จึงได้ประสาน สน.มักกะสัน เพิ่มความเข้มงวดกวดขันวินัยจราจรและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายจราจรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้กวดขันจับปรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์จอด หรือขับขี่บนทางเท้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65-วันที่ 30 ก.ย.66 จำนวน 980 ราย เปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 1,993,200 บาท
ที่มา: กรุงเทพมหานคร