KCG ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิพุ่ง 305.9 ล้านบาท โต 26.9%

พุธ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๑๔:๕๖
KCG ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิพุ่ง 305.9 ล้านบาท โต 26.9% โชว์ความสำเร็จทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และทุกช่องทางขาย หนุนรายได้จากการขาย 7,157 ล้านบาท เปิดแผนทรานส์ฟอร์มองค์กร ขับเคลื่อนเทคโนโลยี วางเป้าหมายรายได้เติบโต 2 หลัก
KCG ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิพุ่ง 305.9 ล้านบาท โต 26.9%

'บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น' หรือ KCG โชว์ฟอร์มร้อนแรง สร้างกำไรสุทธิและรายได้จากการขายปี 2566 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับจากก่อตั้งธุรกิจในปี 2501 กวาดกำไรสุทธิ 305.9 ล้านบาท เติบโต 26.9% รายได้จากการขาย 7,157.0 ล้านบาท เติบโต 16.2% เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และช่องทางขาย B2B, B2C และส่งออก ปลื้มไฮซีซั่นดันดีมานด์ผลิตภัณฑ์ชีส เนย เบเกอรี่และบิสกิตพุ่งแรง หนุนผลดำเนินงานไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิรวม 141.4 ล้านบาท เติบโต 24.2% บอร์ดฯ ไฟเขียวเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาทต่อหุ้น ประกาศแผนปี 2567 ดันรายได้เติบโต Double Digits ตามเป้าหมาย

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และนำเข้าเนย ชีส และผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคชั้นนำจากทั่วโลก เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม 2566) บริษัทฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งกำไรสุทธิและรายได้จากการขาย สูงสุดในรอบ 65 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งธุรกิจ 2501 โดยมีกำไรสุทธิ 305.9 ล้านบาท เติบโต 26.9% และรายได้จากการขายอยู่ที่ 7,157.0 ล้านบาท เติบโต 16.2% เนื่องจากดีมานด์อาหารตะวันตก เนยและชีสของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ประกอบกับการวางกลยุทธ์นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงมียอดขายจากบริษัท อินโดกูนา (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มขึ้น

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว นับว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จของ KCG และตอกย้ำการเป็นผู้นำการผลิตและนำเข้าเนย ชีส และอาหารสำเร็จรูปชั้นนำจากทั่วโลก ที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมมีรายได้ 4,086.5 ล้านบาท เติบโต 15.0% ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ มีรายได้ 2,061.1 ล้านบาท เติบโต 15.3% และผลิตภัณฑ์บิสกิตมีรายได้ 1,009.3 ล้านบาท เติบโต 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนช่องทางการขายแก่ผู้ประกอบการ (B2B) มียอดขาย 2,892.7 ล้านบาท เติบโต 14.2% ในขณะที่ช่องทางการขายแก่ผู้บริโภค (B2C) มีรายได้ 3,938.6 ล้านบาท เติบโต 17.7% และช่องทางการส่งออกมียอดขาย 325.7 ล้านบาท เติบโต 18.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ไตรมาส 4/2566 (ตุลาคม - ธันวาคม 2566) มีรายได้จากการขาย 2,207.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% และกำไรสุทธิ 141.4 ล้านบาท เติบโต 24.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยการเติบโตมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมอาหารตะวันตก เนย ชีส เบเกอรี่ และบิสกิต จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาภายในประเทศ สนับสนุนให้ช่องทางการขายแก่ผู้ประกอบการ (B2B) มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยมียอดขาย 802.2 ล้านบาท เติบโต 8.8% ส่วนช่องทางการขายแก่กลุ่มผู้บริโภค (B2C) มียอดขาย 1,302.5 ล้านบาท เติบโต 17.4% มาจากการบริโภคอาหารตะวันตกและเบเกอรี่ รวมถึงการซื้อผลิตภัณฑ์บิสกิตเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาส 4/2566 ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมมีรายได้ 1,135.0 ล้านบาท เติบโต 9.5% ผลิตภัณฑ์สำหรับการประกอบอาหารและเบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ มีรายได้ 578.5 ล้านบาท เติบโต 11.4% และผลิตภัณฑ์บิสกิตมีรายได้ 493.5 ล้านบาท เติบโต 31.5% ส่วนช่องทางการส่งออกมีรายได้ 102.3 ล้านบาท เติบโต 22.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/2566 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 32.7% โดยมีปัจจัยจากราคาต้นทุนวัตถุดิบลดลง ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) 53.4% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 นี้ โดยจะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน 2567 ต่อไป

นายดำรงชัย กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 บริษัทฯ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด และเดินหน้าสร้างยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมกับมุ่งเน้นการเติบโตของลูกค้าหลักทั้งช่องทางการขายกลุ่มผู้ประกอบการ (B2B) และช่องทางการขายกลุ่มผู้บริโภค (B2C) รวมถึงการขยายตัวของการส่งออก พร้อมกับทรานส์ฟอร์มองค์กร โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ขับเคลื่อนองค์กร (Digital Transformation) เพื่อเพิ่มประสิทธิผลการทำงานให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ประกอบกับการเริ่มใช้ KCG Logistics Park ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าในช่วงปลายไตรมาส 1/2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง สอดรับกับจังหวะภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารตะวันตก เนยและชีส ปี 2567 ที่มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยวางเป้าหมายการเติบโตปี 2567 เป็นตัวเลข 2 หลักหรือ Double Digits

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ