คุณนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี กล่าวว่า Sukishi Korean Charcoal Grill ร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี มีจุดเด่นเรื่องของวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมที่คัดสรรมาจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมด้วยการพัฒนาสูตรอาหารเกาหลีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมี 39 สาขา การดำเนินธุรกิจอาหารเกาหลีมาอย่างยาวนานนี้ ทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมผู้บริโภค และการบริหารงานด้านร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลีเป็นอย่างดี ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการขยายสาขาในรูปแบบนี้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6 สาขา ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและเห็นภาพในการทำธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น เข้ามาขอข้อมูลเพื่อศึกษาการลงทุน Sukishi Korean Charcoal Grill เป็นจำนวนมาก ประกอบกับเมกะ เทรนด์ (Mega Trend) กระแสความชื่นชอบอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมทั่วโลก บริษัทฯ จึงเตรียมขยายแฟรนไชส์ Sukishi Korean Charcoal Grill ร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าในปีนี้จะเพิ่มสาขาแฟรนไชส์อย่างน้อย 10 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 8 สาขา กลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม 2 สาขา
จุดแข็งของบริษัทฯ คือเรื่องขององค์ความรู้ในการประกอบธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลีทั้งการบริหารจัดการร้านและพนักงาน สนับสนุนนักลงทุนด้วยระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ที่เป็นสากล รวมถึงทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทฯ มีการลงทุนระบบครัวกลางประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและรสชาติอาหารที่ได้มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจร้านอาหาร ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบแฟรนไชส์ตามมาตรฐานสากล ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา Sukishi Korean Charcoal Grill คว้ารางวัลแฟรนไชส์ไทยขนาดใหญ่ยอดเยี่ยม (Best Large Franchise) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ให้กับนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV
นอกจากนี้การเปิดแฟรนไชส์ Sukishi Korean Charcoal Grill ยังได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยคาดว่าระยะเวลาการคืนทุนของธุรกิจประมาณ 4 ปี รวมถึงบริษัทฯ จะมี Cash Return ตามรอบให้กับนักลงทุนเป็นรายเดือน เพื่อเกิดกระแสเงินสดหมุนเวียนเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อว่า ธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลีในประเทศไทยยังมีอนาคตที่สดใส โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Sukishi Korean Charcoal Grill จะอยู่ในระดับ B มีอัตราค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารแต่ละครั้งเฉลี่ยต่อหัว 600-800 บาท แม้ว่าปัจจุบันจะมีแบรนด์ธุรกิจร้านปิ้งย่างเกิดขึ้นมากมายก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในปี 2567 เป้าหมายการเติบโตธุรกิจภาพรวมของซูกิชิอยู่ที่ 24% และธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ที่ 36%
สำหรับการเปิดสาขา Sukishi Korean Charcoal Grill ในกลุ่มประเทศ CLMV จะเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น (Joint Venture) และการขายแฟรนไชส์ (Master Franchise) โดยทางซูกิชิเองตระหนักดีว่าการทำตลาดในต่างประเทศมีความแตกต่างจากประเทศไทย จึงมีการศึกษาวัฒนธรรมการกิน ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
ดังนั้น ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจร้านปิ้งย่างและอาหารเกาหลี กว่า 2 ทศวรรษของบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่สนใจในธุรกิจแฟรนไชส์ Sukishi Korean Charcoal Grill อย่างแน่นอน
ที่มา: PR STORY