นายโจเซฟ สุเชาว์วณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ BR Group เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า "ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตลาดเนื้อสัตว์มีความผันผวนสูง ราคาสินค้าปรับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว และได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูที่ลดลงมากจากวิกฤติหมูเถื่อน ซึ่งเป็นปีที่เหนื่อยและสาหัสปีนึง
เราจึงได้ดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ทำให้มีรายได้รวมกว่า 8,034 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท โดยเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ที่ซบเซาลงไม่ได้คึกคักอย่างที่ประเมินไว้ และผู้บริโภคที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยน้อยลงกว่าปีก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด"
ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา 1,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็น 0.3% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่มีรากฐานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และฝ่ายบริหารมีกลยุทธ์การจัดการเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น
"ในส่วนของแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนที่จะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ ESG (Environmental (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล)) หรือการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปลายปี 2566 โดย BR Group ได้คำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงริเริ่มปรับการดำเนินงานสู่ Zero Waste และในอนาคตมีแผนที่จะทำ Zero Carbon ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนลงได้ถึง 50% นอกจากนี้ภายในโรงงานยังมีสระบำบัดน้ำเสียที่ช่วยปรับสภาพน้ำให้อยู่ในระดับมาตรฐานก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ"
ด้านเป้าหมายรายได้เติบโต บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2567 ไว้ที่ 10% จากการขยายฐานลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของธุรกิจ โดยตั้งเป้าที่จะก้าวสู่การเป็น "ผู้นำ Product เป็ดระดับโลก" หลังจากได้บุกตลาดฮาลาล ซึ่งมีประเทศไทยเป็นฐานผู้ผลิตและส่งออกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา และมีแผนที่จะขยายตลาดการส่งออกมากขึ้นทั้งในโซนยุโรปและโซนเอเชีย
BR Group เป็น 1 ในผู้ผลิตเนื้อเป็ดรายใหญ่ของประเทศมากว่า 30 ปี และมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจเนื้อเป็ดแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คือ ฟาร์มพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์เป็ด โรงฟักไข่เป็ด ฟาร์มเป็ดเนื้อ โรงงานชำแหละและแปรรูปอาหารจากเนื้อเป็ดซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐานฮาลาล และธุรกิจอาหารสัตว์ ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ มีจุดเด่นในการผลิต เนื้อเป็ดคุณภาพสูง และอาหารแปรรูปจากเป็ดพร้อมรับประทานที่ผลิตโดยตรงจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐานฮาลาลทั้งหมด โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีฐานการผลิตใหญ่ใน 2 ประเทศคือ ประเทศไทย และประเทศเนเธอร์แลนด์
ที่มา: แบรนด์ เวลท์