นายธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) หรือ HL เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566) ว่า กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 1,659.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.87% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,538.21 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขาย จำนวน 1,635.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.64%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานยังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์สามกลุ่มที่มีสัดส่วน 84.95% ของรายได้จากการขายงวดปัจจุบันเพิ่มขึ้นทุกรายการ ได้แก่ กลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มขึ้น 15.06%, กลุ่มสินค้าสุขภาพภายนอกร่างกายเพิ่มขึ้น 16.14% และกลุ่มสินค้าบริโภคเพิ่มขึ้น 28.18% โดยในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ HL เปิดสาขาร้านขายยาใหม่ทั้งสิ้น 14 สาขา ภายใต้แบรนด์ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนสาขารวม 50 สาขา
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น สำหรับงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 13 มีนาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมวันที่ 12 เมษายน 2567
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 กลุ่มบริษัท HL ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน มาจากการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG : Same Store Sales Growth) และยอดขายจากสาขาใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 20 สาขาในปีนี้ ภายใต้แบรนด์ ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug ส่งผลให้ปี 2567 บริษัทฯ จะมีสาขารวม 70 สาขาทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัท HL ยังได้รับผลดีจากมาตรการ Easy E-Receipt ที่ประชาชนสามารถซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2567 กับร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Tax Invoice ได้เท่านั้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานกลุ่มบริษัท HL เติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน
รวมถึงในปี 2567 กลุ่มบริษัท HL วางแผนเพิ่มอัตรากำไร (Margin) เป็นไม่ต่ำกว่า 23% จากปัจจุบันอยู่ที่ 22% ด้วยการปรับรูปแบบการขายสินค้าให้รัดกุม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมสูงกว่า 10 รายการ ปัจจุบันเริ่มวางตลาดแล้ว เช่น สเปรย์สลายกลิ่นเอนกประสงค์ รวมทั้งนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้ามาจำหน่าย เป็นต้น
ที่มา: เฮลท์ลีด