นายหลี่ เผิง รองประธานอาวุโสฝ่ายองค์กร และประธานฝ่ายขายและบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหัวเว่ย ได้กล่าวว่า "ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจากยุคของข้อมูลข่าวสารมาสู่ยุคดิจิทัล ทุกการเปลี่ยนผ่านล้วนนำความเป็นไปได้ต่าง ๆ มากมายมาด้วยเสมอ และวันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งความอัจฉริยะ ซึ่งการสร้างอนาคตแห่งความอัจฉริยะขึ้นมาด้วยตัวเอง ก็อาจจะเป็นวิธีที่เราจะคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำที่สุด โดยหัวเว่ยจะเดินหน้าทุ่มเทการทำงานของเราเป็นเท่าตัว เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลและโซลูชันต่าง ๆ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการการเปลี่ยนผ่านอัจฉริยะให้กับอุตสาหกรรมทั้งหลาย ทั้งนี้ เราจะทำงานอย่างหนักในฐานะพาร์ทเนอร์ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจได้ในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้"
การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับอุตสาหกรรมคือก้าวสำคัญสู่โลกอัจฉริยะ
"เพื่อเป็นการเปิดรับโลกอัจฉริยะแห่งอนาคต หัวเว่ยเชื่อว่าหนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการเดินหน้าเข้าสู่โลกดิจิทัลในระดับอุตสาหกรรม และเมื่อกระบวนการการเปลี่ยนผ่านนี้เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เราจะต้องมีการจัดการกับข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นในขั้นตอนการ "คำนวณ ส่งต่อ และจัดเก็บ" อย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการจัดการข้อมูลซึ่งมีที่มาจากสถานการณ์อันหลากหลาย เข้าสู่ฐานข้อมูลบนเทคโนโลยีคลาวด์อย่างเป็นระบบ และเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและอุตสาหกรรมหลัก ๆ ให้มากขึ้น เพื่อการสนับสนุนให้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลและมุ่งสู่โลกอัจฉริยะได้อย่างราบรื่น" นายลีโอ เฉิน ประธานฝ่ายขาย สำหรับภาคองค์กร ของหัวเว่ยกล่าว
นายลีโอ เฉิน กล่าวเสริมว่า "เราอาจจะอธิบายผลของกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลเพื่อไปสู่โลกอัจฉริยะได้ด้วยคำศัพท์ทางฟิสิกส์ที่ว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะ (Phase transition) ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่เพียงแต่นำมาซึ่งการเติบโตที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงพลวัตรของภาคเศรษฐกิจที่พลิกโฉมโหม่ เพราะเมื่อเราก้าวเข้าสู่โลกที่มีประสิทธิภาพและผลิตภาพสูงแล้ว เราสามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ผู้คนได้ทุกคน ทั้งนี้ หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในทุกภาคอุตสาหกรรมเพื่อก้าวไปสู่โลกแห่งอัจฉริยะ"
หัวเว่ยเปิดตัวโซลูชันเรือธงเพื่อช่วยในการเปลี่ยนผ่านทางด้านดิจิทัลอัจฉริยะจำนวน 10 โซลูชัน และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลายสำหรับภาคอุตสาหกรรม
หัวเว่ยทำงานร่วมกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์รายต่าง ๆ เพื่อเก็บรวบรวมแนวทางการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ และเพื่อค้นหาแนวทางการเปลี่ยนผ่านอัจฉริยะใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยในปี พ.ศ. 2566 หัวเว่ยได้ทำการเปิดตัวสถาปัตยกรรมอัจฉริยะสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมได้ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในการดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านของตนเอง
ทั้งนี้ หัวเว่ยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงได้สร้างอีโคซิสเต็มระบบเปิด เพื่อให้เป็นจุดศุนย์รวมของพาร์ทเนอร์และเหล่านักพัฒนา ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะทางด้านดิจิทัลให้ประสบความสำเร็จ
โดยหัวเว่ยเชื่อว่าลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการที่ต่างกัน และเราจำเป็นที่จะต้องส่งมอบโซลูชันที่ออกแบบมาสำหรับแต่ละสถานการณ์การใช้งานให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถทำการเปลี่ยนผ่านทางด้านดิจิทัลอย่างอัจฉริยะได้สำเร็จลุล่วง
สำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการที่มีความหลากหลายและซับซ้อน ทางหัวเว่ยได้มีการเปิดตัวระบบดิจิทัลอัจฉริยะในระดับอุตสาหกรรม 10 รูปแบบ ซึ่งมาภายใต้ชื่อต่าง ๆ ได้แก่ National Cloud Solution 2.0, Smart City, Smart Classroom 3.0, Medical Technology Digitalization, Digital CORE, Intelligent Factory, Smart Airport Fully Connected Fiber Network, Perimeter Security with Fiber Sensing, Smart Railway Perimeter Detection, ITS 2.0, Intelligent Power Distribution (IDS), Oil and Gas Pipeline Safety Management Solutions นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายกลุ่ม เช่น Campus Digital Platform, Multilayer Ransomware Protection (MRP) 2.0 และ Perimeter Protection Site เป็นต้น
เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทางธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่อาจจะมีความต้องการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนมากนัก หัวเว่ยได้เดินหน้าร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการสร้างโซลูชันระบบเปิดที่ใช้ทรัพยากรน้อย (lightweight) แต่มีการออกแบบมาสำหรับสถานการณ์นั้น ๆ โดยเฉพาะ ด้วยการใช้โซลูชันเหล่านี้ช่วยลดต้นทุน สร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการทั้งในแง่ของการให้บริการและการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยกลุ่มโซลูชันใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลอย่างอัจฉริยะได้อย่างราบรื่น ด้วยโซลูชันที่ออกแบบมาสำหรับสถานการณ์รูปแบบเฉพาะกว่า 30 สถานการณ์ ซึ่งเป็นการร่วมพัฒนากับพาร์ทเนอร์ของเรา สำหรับกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กที่มีความต้องการใช้งานในระดับพื้นฐาน หัวเว่ยได้ทำการเปิดตัว HUAWEI eKit สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ในปีพ.ศ. 2566 โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาให้มีคุณสมบัติใช้งานง่าย ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อขาย ติดตั้ง บำรุงรักษา รวมไปถึงการเรียนรู้การใช้งาน โดยภายในงาน MWC ปีนี้ แบรนด์ HUAWEI eKit ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการใช้งานในออฟฟิศสำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี โรงแรมราคาประหยัด โรงเรียนประถมและมัธยม ห้างสรรพสินค้า คลินิก โรงพยาบาล บริษัทอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงร้านอาหารต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะเดินหน้าสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ โดยหัวเว่ยได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงในกลุ่มข้อมูลสื่อสาร เครือข่ายออพติคัล การจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งระบบปฏิบัติการและการบำรุงรักษาแบบครบวงจรที่ใช้ทรัพยากรน้อยอีกด้วย
นายเดวิด ฉี รองประธานฝ่ายการตลาดเทคโนโลยีและสารสนเทศ และฝ่ายขายโซลูชันเพื่อธุรกิจของหัวเว่ย กล่าวว่า "หัวเว่ย เข้าใจดีว่าลูกค้าแต่ละรายล้วนมีความต้องการและความท้าทายในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน และในช่วงเวลาที่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลไปสู่ความเป็นอัจฉริยะนี้กำลังเดินไปข้างหน้า หัวเว่ยจะมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ออกแบบมาจากสถานการณ์การใช้งานจริง พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้จริง"
หัวเว่ย เดินหน้าทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับโลกอัจฉริยะ
อีโคซิสเต็มที่มีความยั่งยืนและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสำหรับภาคอุตสาหกรรมอัจฉริยะ โดยช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 หัวเว่ยมีพาร์ทเนอร์ที่อยู่ในตลาดระดับองค์กรทั่วโลกกว่า 40,000 ราย ที่จะเข้ามาช่วยให้ลูกค้าของเราเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจได้
นายเออร์เนสต์ จาง ประธานฝ่ายพาร์ทเนอร์สากล ธุรกิจและการกระจายสินค้า และฝ่ายขายสำหรับองค์กรของหัวเว่ยได้ กล่าวว่า "หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์และยึดตามหลักแนวคิดของการ 'เชื่อมโยงกันด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ บนรากฐานของความซื่อสัตย์ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์โดยไม่มีข้อยกเว้น' เราจะเดินหน้าส่งเสริมนโยบายสำหรับพาร์ทเนอร์ของเราในเรื่องการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างพันธมิตรที่แน่นแฟ้น เกื้อกูลผลประโยชน์แก่กัน และก้าวไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จด้วยกัน"
งานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส (MWC) ครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 29 กุมภาพันธ์ ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยหัวเว่ยเข้าร่วมงานในปีนี้ภายใต้แนวคิด "เร่งการเปลี่ยนผ่านทางด้านอุตสาหกรรมไปสู่ความอัจฉริยะด้วยความเป็นผู้นำทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล" ("Leading Digital and Intelligent Infrastructure, Accelerating Industrial Intelligence") และมีการจัดแสดงทัพผลิตภัณฑ์และโซลูชันเรือธงใหม่ล่าสุด ที่บูธ 1H50 ใน Fira Gran Via Hall 1 โดยสามารถดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Huawei Enterprise at MWC 2024| Accelerate Industrial Intelligence | Huawei Enterprise
ที่มา: คาร์ล บายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์