ดร.โอปป้า กล่าวว่า "หนังสือเล่มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กำลังทำธุรกิจอยู่ และอยากขายสินค้าบนโลกออนไลน์ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการใช้งาน TIKTOK ในปัจจุบันประเทศไทยมีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 50 ล้านบัญชี และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พบว่าคนไทยใช้เวลาในการเข้า TIKTOK เฉลี่ยอยู่ที่ 5 ชั่วโมงต่อวันแบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นหากสินค้าของคุณ หรือแบรนด์ของคุณยังไม่มีตัวตนใน TIKTOK เรียกได้ว่าคุณจะเรียกว่าพลาดโอกาสในการขายในการขยายฐานลูกค้าอย่างน่าเสียดาย
สำหรับหนังสือเล่มนี้ถูกออกแบบมา เพื่อเป็นคู่มือการขายสินค้าออนไลน์ สำหรับคนที่อยากกล้องเอง หรือไม่อยากออกกล้อง คุณสามารถจะสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าใน TIKTOK ได้เช่นเดียวกัน วิธีที่ผมนำมาแชร์ให้ทุกคนฟังในงานวันนี้ ตัวอย่างบางส่วนเป็นเคสจริงเลยจากลูกศิษย์ของผมเอง ก็คือ "โค้ชเยียร์" ที่มาแชร์การทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ ก็คือการสร้างยอดขายหลักแสน หลักล้านได้ด้วยการทำธุรกิจแค่เพียงตัวเขาเอง และผู้ช่วยของเขา มาดูกันว่าพวกเขาทำกันอย่างไร คุณจะหาเงินที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ ซึ่งนี่คือวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้คือคุณสามารถเริ่มต้นได้ใน TIKTOK"
ดร.โอปป้า กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในปีที่ผ่านมา มีสินค้า 2 กลุ่มที่ขายดีมากใน TIKTOK กลุ่มแรก คือ อาหาร และกลุ่มที่สอง คือ ของสกินแคร์ - คอสเมติก (ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว) ซึ่งสินค้า 2 กลุ่มนี้ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นลูกค้าที่ชอบลองสินค้าใหม่ๆ ไม่ยึดติดกับแบรนด์สินค้า จึงส่งผลทำให้สินค้าทั้งสองกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขื้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการขายสินค้าในตลาดออนไลน์ และสำหรับคนที่อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ในปีนี้แนวคอนเทนต์ที่ยังขาดตลาดมี 3 กลุ่ม คือ สัตว์เลี้ยง การดูแลผู้สูงอายุ และแม่และเด็ก ที่ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ไม่มากนัก ยังมีแนวโน้มเติบโตได้สูง สร้างตัวตนได้เร็ว"
โค้ชเยียร์ กล่าวถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจผ่านทาง TIKTOK "โค้ชเยียร์เป็นลูกศิษย์ของดร.โอปป้า และเป็นเจ้าของช่องชื่อ "โค้ชเยียร์" มีผู้ติดตามหลักล้าน สามารถสร้างรายได้เกิดขึ้นจาก TIKTOK ดร.โอปป้าเป็นอาจารย์ที่คอยแนะนำและช่วยวิเคราะห์ช่องทางในการสร้างผู้ติดตาม ได้รับเทคนิคต่างๆ มากมาย ทำให้สามารถตั้งต้น และจับทางการทำธุรกิจได้สินค้าออแกนิคที่เป็นของตัวเองจนประสบความสำเร็จ โค้ชเยียร์อยากจะขอฝากประโยคทองคำ "อะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ TIKTOK" แพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียม"
ที่มา: ซีเอ็ดยูเคชั่น