เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ร่วมมือกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme) จัดงานประชุมเพื่อต่อยอดโครงการสนับสนุนการประกันภัยและบริหารความเสี่ยง เพื่อมุ่งลดช่องว่างด้านความคุ้มครองให้กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางทั่วโลกผ่านโซลูชันการประกันภัย ที่สอดคล้องกับภารกิจสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และกำหนดแนวทางให้การประกันภัยเป็นกุญแจสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมเปิดเผยผลการวิจัยร่วม หัวข้อ "การเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ที่เน้นการศึกษาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพื่อนำเสนอแนวทางในการประเมินความเสี่ยงของ MSMEs และบริการประกันภัย ซึ่งงานวิจัยระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ประกอบการ MSMEs คิดเป็นร้อยละ 99.6 ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 97.4 ถือเป็นสัดส่วนสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบทบาทสำคัญในการแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการหยุดชะงักของธุรกิจ และการเข้าถึงตลาดเงินทุนที่จำกัด โดยความเสี่ยงเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นจากการขาดการบริหารจัดการความเสี่ยง กลไกการรับมือ และความคุ้มครองจากประกันภัย และยังพบว่า MSMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประกันภัยคุ้มครองน้อยกว่าร้อยละ 5
นายไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ CEO International of Generali กล่าวว่า "วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาการของตลาดเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงซึ่งทวีความรุนแรงมาก ส่งผลต่อความต่อเนื่องของธุรกิจและความสามารถในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ประกันภัยถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาเพื่อให้วิสาหกิจเหล่านี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเป็นก้าวสำคัญของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเปราะบางในเอเชีย"
โดยแนวทางใหม่ที่เสนอในการวิจัยฉบับนี้ คือ การแบ่งประเภทธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจลักษณะความเสี่ยงและความต้องการเฉพาะของผู้ประกอบการในแต่ละประเภท พร้อมกับการสร้างความยืดหยุ่นต่อความเสี่ยง ด้วยการผนวกผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้ากับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มดิจิทัล และการขยายโครงการ SME EnterPRIZE ในภูมิภาคเอเชีย ต่อยอดจากความสำเร็จที่ได้ร่วมกับ SMEs หลายพันรายในยุโรปตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาในการส่งเสริมและปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความยั่งยืน
พร้อมกันนี้เจนเนอราลี่ และ UNDP ได้เปิดตัว "คู่มือป้องกันความสูญเสียสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม" (SME Loss Prevention Framework) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ใช้ประโยชน์ช่วยยกระดับความพร้อมและสร้างการรับรู้ด้านความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ รวมถึงแนวทางการรับมือ
ทางด้าน นาย แจน เคลเลตต์ (Jan Kellett) Global and Corporate Lead on Insurance and Risk Finance, Head of the Insurance and Risk Finance Facility, UNDP กล่าวว่า "สำหรับในภูมิภาคอาเซียน วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) คิดเป็นร้อยละ 45 ของ GDP รวมของภูมิภาค โดยความเปราะบางของวิสาหกิจเหล่านี้ ที่อาจต้องเผชิญภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด หรือการหยุดชะงักในห่วงโซ่การผลิตและระบบโลจิสติกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มศักยภาพการอยู่รอด สามารถรับมือได้กับความเสี่ยงทุกรูปแบบที่สามารถคาดการณ์ได้ ด้วยเครื่องมือและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงประกันภัยจะเป็นหนึ่งในตาข่ายนิรภัย เครื่องมือลดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ"
นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับฟังแนวทางการส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs จากตัวแทนผู้บริหารระดับสูงจากเจนเนอราลี่ กรุ๊ป และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ อาทิ นายร็อบ ลีโอนาร์ดี Regional Officer International - Asia, Generali Group นางสาวลูเซีย ซิลวา Generali Group Chief Sustainability Officer พร้อมด้วย นายนิลอย บาเนอร์จี Resident Representative, UNDP Malaysia โดยมีตัวแทนจาก ภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจนเนอราลี่ทั่วภูมิภาคเอเชีย ผู้ประกอบการ พาร์ทเนอร์ ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ที่มา: เอ พับลิซิสท์