เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยกลยุทธ์ ปี 2567 เดินหน้าขยายการเติบโตจากการขยายสาขา ควบคู่มองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ เพื่อส่งมอบสินค้าที่ดีให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมากขึ้น
ด้านแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/2567 มีทิศทางที่ดี จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐในเรื่องของโครงการ E-receipt/E-tax invoice สำหรับใช้ลดหย่อนภาษี รวมไปถึงเทศกาลตรุษจีนที่ปีนี้คึกคักเป็นพิเศษ เข้ามาเป็นปัจจัยบวก ลูกค้าเข้ามาใช้บริการหนาแน่น ทำให้มีปริมาณบิล และยอดต่อบิลในการซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
รวมทั้ง เตรียมพร้อมกับโปรโมชั่นหน้าร้อน รับเทศกาลสงกรานต์ ที่ประชาชนจะซื้อของเพื่อให้เป็นของขวัญแก่ญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม ซุปไก่ รังนก ที่มีราคาสูง จะเข้ามาเพิ่มวอลลุ่มที่มากขึ้น อีกทั้งคนเดินทางสัญจรมากขึ้นทั้งคนที่กลับบ้าน และนักท่องเที่ยว คาดว่าจะกระตุ้นรายได้ส่งท้ายไตรมาส 1 ปี 2567 และต้อนรับ ไตรมาส 2 ปี 2567 ได้อย่างคึกคัก อีกทั้งนโยบายภาครัฐในการขยายวันเล่นน้ำสงกรานต์ที่มากขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลบวกในด้านของผู้บริโภคที่คาดว่าจะเข้ามาซื้อของที่มากขึ้น บวกกับโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายในสาขาต่างๆ จะทำให้ลูกค้าสามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก
ซึ่งกลยุทธ์หลักในการเติบโตของ TNP ยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร อย่างต่อเนื่อง โดยศึกษาทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งในแหล่งท่องเที่ยว และแหล่มชุมชนขนาดใหญ่ เพื่อสร้างการเข้าถึงอย่างครอบคลุมในโซนภาคเหนือตอนบน
โดย TNP มีแผนขยายอาณาจักรเพิ่มเติมอีก 6 สาขา โดยใช้งบลงทุนอยู่ที่ 120 ล้านบาท สนับสนุนให้ปี 2567 ธนพิริยะจะมีสาขาถึง 51 สาขา และเตรียมรีโนเวทเดินหน้าปรับปรุงสาขาอื่นเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายคลังสินค้า โดยใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อทำศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติม สนับสนุนการขยายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งปัจจุบัน TNP มีคลังสินค้าขนาด 1.2 หมื่นตารางเมตร ในการสต็อกสินค้า และกระจายสินค้าไปในแต่ละสาขา ด้วยระบบที่มีมาตรฐาน
เภสัชกรหญิงอมร กล่าวเสริมอีกว่า "เราตั้งเป้าเติบโตได้อยู่ที่ 10-15% เมื่อมองถึงภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว ด้วยกลยุทธ์ที่เราปรับตัวพร้อมรับการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา บริหารต้นทุนและกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เดินหน้าในการเปิดสาขาอย่างระมัดระวัง และศึกษาโอกาสในการขยายไปยังจังหวัดอื่นๆเพิ่มเติม มองหาสินค้าที่เป็นกลุ่มไฮมาร์จิ้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น พัฒนาด้านงานบริการทั้งระบบหลังบ้านและหน้าบ้าน ด้วยมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งคาดว่าภาพรวมในปีนี้ เราจะสามารถเดินได้ตามแผนของรายได้ที่วางไว้ "
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 25 เมษายน 2567 พร้อมชงจ่ายปันผล งวดผลดำเนินงานงวด 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2567
ที่มา: ไออาร์ พลัส