บลจ.อีสท์สปริง แนะบาลานซ์พอร์ต รับโอกาสและลดความเสี่ยงปี 2567 ผ่าน 4 กองทุน "ES-USTECH - TMBINDAE - ES-GF และ ES-GAINCOME"

จันทร์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ๑๕:๐๕
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงแนวทางการจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2567 ว่า นักลงทุนควรกระจายการลงทุนเพื่อสร้างความสมดุลย์ในสถานการณ์ที่ยังมีความผันผวนสูง เพื่อให้ไม่พลาดทั้งโอกาสและความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ โดยบลจ.อีสท์สปริงมีกองทุนที่แนะนำสำหรับติดพอร์ตจำนวน 4 กองทุน ประกอบด้วยกลุ่มกองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ลดลง ได้แก่ กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Information Technology (ES-USTECH) กองทุนเปิดทีเอ็มบี India Active Equity (TMBINDAE) กองทุนเปิดอีสท์สปริง GIS Global Bond (ชนิดสะสมมูลค่า) (ES-GF) และ สำหรับกองทุนที่แนะนำลงทุนเพื่อลดความผันผวนจากการเลือกตั้งของประเทศสหรัฐฯ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ซึ่งอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งได้แก่ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Multi Asset Income (ES-GAINCOME)
บลจ.อีสท์สปริง แนะบาลานซ์พอร์ต รับโอกาสและลดความเสี่ยงปี 2567 ผ่าน 4 กองทุน ES-USTECH - TMBINDAE - ES-GF และ ES-GAINCOME

ทั้งนี้ กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Information Technology (ES-USTECH) มีนโยบายเน้นลงทุนในกองทุน iShares S&P 500 Information Technology Sector UCITS ETF (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class USD (Acc) บริหารจัดการโดย BlackRock Asset Management Ireland Limited ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 Capped 35/20Information Technology ซึ่งจะลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P 500 Capped 35/20 Information Technology ตามสัดส่วนของหุ้นแต่ละตัวที่นำมาคำนวณดัชนี โดย มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง และมีโอกาสเกิด soft landing หากมีการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะส่งผลบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2566 ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้ประโยชน์จากกระแส AI ซึ่งอัตราการเติบโตของกำไรของ S&P500 กลุ่ม IT ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (ที่มา : บลูมเบิร์ก ณ วันที่ 13 มีนาคม 2567)

สำหรับ กองทุนเปิดทีเอ็มบี India Active Equity หรือ TMBINDAE เน้นลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียวในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก คือ กองทุน Goldman Sach India Equity Portfolio ที่เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทในประเทศอินเดียที่มีคุณภาพและมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งกองทุนหลักมีเป้าหมายเอาชนะดัชนี MSCI India IMI ในระยะยาว โดยเน้นคัดสรรการลงทุนแบบ Bottom Up จากทีมงาน local based ทำให้กองทุนนี้มีความโดดเด่นเรื่องการหาผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยมองว่า อินเดียมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมากขึ้นในปีนี้ หลังจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มของเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ และ Semiconductor โดยอัตราการเติบโตของกำไรในตลาดหุ้นอินเดียยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว จากปัจจัยด้านวัยแรงงาน เงินลงทุนจากต่างประเทศ และการเมืองที่มีเสถียรภาพ นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้ออินเดียได้ปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) แล้ว ทำให้มีโอกาสที่ RBI จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีกเช่นกัน และ Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในระดับสมเหตุสมผลหลังกำไรมีการปรับประมาณการณ์ขึ้นต่อเนื่อง

ในส่วนกองทุนเปิดอีสท์สปริง GIS Global Bond (ชนิดสะสมมูลค่า) (ES-GF) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน PIMCO GIS Global Bond Fund ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนหลักเน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกโดยเน้นกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดี (Investment Grade Bond) รวมถึงตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันในการจดจำนอง (Agency MBS) โดยบลจ.อีสท์สปริงมองว่าตราสารหนี้โลกมีความน่าสนใจ ประมาณการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ จาก Dot Plot ของ Fed คาดว่าปี 2567 จะมีการลดดอกเบี้ยประมาณ 3 ครั้ง และในปี 2568 คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีก 5 ครั้ง ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อตราสารหนี้โลก ขณะที่ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี สหรัฐฯย้อนหลังช่วง 10 ปีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.1% (ที่มา : บลูมเบิร์ก ณ วันที่ 13 มีนาคม 2567) ตลอดจนมุมมองต่อเงินเฟ้อของเฟดมองว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield ค่อนข้างจำกัด

สุดท้าย สำหรับกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Multi Asset Income (ES-GAINCOME) เน้นลงทุนในกองทุน AMUNDI FUNDS INCOME OPPORTUNITIES (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class I2 USD บริหารจัดการโดย Amundi Luxembourg S.A. ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จุดเด่นของกองทุนหลักคือเน้นโอกาสการสร้างกระแสเงินสดและผลตอบแทนจากราคา โดยลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททั่วโลกทั้งตราสารทุน, ตราสารหนี้, สินทรัพย์ทางเลือก และมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตลงทุน โดยพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจและความน่าสนใจของหลักทรัพย์รายตัวในแต่ละช่วงเวลา

"กองทุนนี้เหมาะสำหรับกระจายการลงทุนจากความเสี่ยงหลักในปีนี้ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงปลายปีนี้ ประเมินว่าตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้น เมื่อแต่ละพรรคประกาศผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงต้นไตรมาส 3 ของปี 2567 ซึ่งตอนนี้น่าจะเป็นการ rematch ระหว่าง โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีต่อเนื่องในปีนี้ตั้งแต่สงครามในตะวันออกกลาง ความไม่สงบในทะเลแดงรวมถึงนโยบายหาเสียงของสหรัฐฯที่น่าจะมุ่งเป้าไปที่จีนมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวขึ้นอีกครั้ง และกดดันในธนาคารกลางทั่วโลกต้องกลับมาขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังคงมีการฟื้นตัวไม่เท่ากันอยู่ในหลายภูมิภาค โดยญี่ปุ่นและอังกฤษเพิ่งเข้าสู่ภาวะ recession" นายยิ่งยงกล่าว

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง และผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน และเนื่องจากทั้ง 4 กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงทางด้านตลาด ความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและคู่สัญญา และความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่อง เป็นต้น

ที่มา: พีอาร์ดีดี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version