ในช่วงเวลาที่หลากหลายองค์กรในประเทศไทยมีการใช้งานและพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ เพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจกันมากขึ้น ประเด็นเรื่องของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของบริการคลาวด์ รวมทั้งความสามารถในการประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในระบบคลาวด์โซลูชันที่มีความแข็งแกร่ง หัวเว่ยจึงทำการเปิดตัว Huawei Cloud Techwave เพื่อมอบโซลูชันที่ดีกว่า รวมทั้งสามารถช่วยให้การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีอัจฉริยะเป็นไปได้อย่างราบรื่น พร้อมมอบโซลูชันที่มาพร้อมบริการคลาวด์อันหลากหลายที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไดั
นางปิยะธิดา อิทธิระวิวงศ์ ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวภายในงานว่า "ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่คอยช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าของเราเดินหน้าสู่เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเสมอมา โซลูชันคลาวด์ตัวใหม่ของเราสามารถมอบเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จำเป็นให้กับองค์กรที่ต้องการจะก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัลนี้ได้ โดยโซลูชันเหล่านี้เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นที่ต้องการจะส่งมอบบริการคลาวด์ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มความสามารถด้านการผลิต และเพื่อการเดินหน้าสู่เป้าหมายทางกลยุทธ์ธุรกิจของลูกค้าแต่ละราย"
ทั้งนี้ ภายในงาน Huawei Cloud Techwave ครั้งนี้ หัวเว่ยได้เปิดตัวคลาวด์โซลูชันใหม่ล่าสุด 5 รายการ ดังนี้:
- การจัดการพื้นที่ใช้งาน (Landing Zone): โซลูชันที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างระบบการใช้งานที่ปลอดภัย จัดการสิทธิ์การใช้งาน และกำกับดูแลทรัพยากรและการปฏิบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การประมวลผลที่ไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ (Serverless Computing): โซลูชันที่สามารถจัดการทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างเหมาะสมกับปริมาณข้อมูลที่มีการใช้จริง เพื่อช่วยลดภาระขององค์กรในด้านการจัดการและภาระด้านการปฏิบัติการและบำรุงรักษา
- คลังข้อมูลเกาส์ดีบี (GaussDB): คลังข้อมูลยุคใหม่ มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่สูงและเชื่อถือได้ เพื่อการทำงานที่ไม่สะดุดแม้ในสถานการณ์ที่มีการใช้งานหนัก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับความปลอดภัยขั้นสูงที่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมชั้นนำ
- การผสานระหว่างข้อมูลและ AI (Data-AI convergence): โซลูชันการจัดระเบียบ กำหนดข้อมูล และขั้นตอนการทำงานร่วมกันกับ AI สามารถเปิดโอกาสให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างข้อมูลและ AI ได้อย่างไร้รอยต่อ และยังสามารถขับเคลื่อนด้วยโมเดลการฝึกอบรมออนไลน์และการอนุมานด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้การกำกับดูแลข้อมูลมีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น ตั้งแต่การบูรณาการข้อมูล การพัฒนา ไปจนถึงการจัดการคุณภาพและสินทรัพย์
- AI มนุษย์เสมือนจริง (AI Virtual Human): เทคโนโลยีมนุษย์เสมือนจริง ที่จะช่วยเข้ามาเสริมประสบการณ์การใช้งานพร้อมพลิกโฉมนวัตกรรมด้านคอนเทนต์
หัวเว่ย คลาวด์ เป็นผู้นำในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และได้ส่งมอบโซลูชันที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมที่พร้อมพลิกโฉมระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง, การจัดการฐานข้อมูลขั้นสูง รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ โดยในประเทศไทย หัวเว่ยไม่เพียงทำการเปิดตัวเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง แต่หัวเว่ยยังคงเดินหน้ามีส่วนร่วมในการเดินทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีของประเทศอีกด้วย โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หัวเว่ย คลาวด์ได้ทำการแนะนำผลิตภัณฑ์ Huawei Cloud Stack ในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวจะสามารถเข้ามาช่วยในเรื่องของการจัดการข้อมูล, การจัดระเบียบการเข้าถึง, รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับองค์กรในไทยได้ นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้ริเริ่มโครงการที่จะสร้างนักพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีคลาวด์จำนวน 20,000 คนในประเทศไทยภายในเวลา 3 ปีข้างหน้า และหัวเว่ยยังยึดมั่นที่จะเดินหน้าส่งเสริมการเติบโตของอีโคซิสเต็มในประเทศไทย เพื่อที่จะช่วยให้เหล่าสตาร์ทอัพและพาร์ทเนอร์ในไทยสามารถสร้างแอปพลิเคชันคลาวด์ AI และช่วยโปรโมทเทคโนโลยีนี้ไปในระดับภูมิภาคอีกด้วย
หัวเว่ย ทำธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 24 ปี และยึดมั่นที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางด้านดิจิทัลในประเทศไทย เป็นไปตามพันธกิจที่ว่า 'นำทุกฝ่ายก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง' โดยในอนาคต หัวเว่ยจะยังคงเดินหน้าส่งมอบโซลูชันล้ำสมัยเพื่อช่วยส่งเสริมการเติบโต การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันทางธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมการทำงานร่วมกันในระดับท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เดินหน้าเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียนในอนาคต
ที่มา: คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์