การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับกับภาวะวิกฤตของฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยอาศัยคณะกรรมการชุมชนเป็นสื่อกลางทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยในชุมชนถึงวิธีการรับมือกับฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งติดป้ายประชาสัมพันธ์ภายในชุมชน ได้แก่ รณรงค์ให้ผู้อยู่อาศัยสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมการแจ้ง ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการปัดกวาด เพื่อป้องกันการกระจายของฝุ่นละออง และติดตามค่ามลพิษทางอากาศ (AQI) หากค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน ให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนั้น หรือสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ขณะออกจากบ้าน นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดในพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพของกลุ่มเปราะบางกรณีค่าฝุ่น PM.2.5 เกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำบริเวณหน้าโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติทุกโครงการ ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่มีการใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สนามเด็กเล่น สนามกีฬา สวนสาธารณะ และลานตลาด เป็นต้น
นายทวีพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากมาตรการเร่งด่วนตามที่กล่าวมาแล้ว การเคหะแห่งชาติ ยังมีมาตรการที่จะดำเนินการในระยะยาว ได้แก่ การส่งเสริมผู้อยู่อาศัยให้ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวจะช่วยแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองได้อย่างยั่งยืน รวมถึงจะสำรวจศูนย์ชุมชนในโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และพะเยา เพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราวสำหรับกลุ่มเปราะบางในชุมชนที่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนต่อสุขภาพอย่างรุนแรงจากค่าฝุ่น PM.2.5 ต่อไป
ที่มา: บมจ.พีเอ็มพี